สังคมแห่งการแบ่งปันนี้จะไม่มีสิ่งที่เพื่อนต้องการ เมื่อเพื่อนๆ มาแวะเยี่ยมแล้วไม่ฝากสิ่งใดไว้..!! กลุ่มเว็บนี้.. ดำรงไว้ซึ่ง คุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม จรรยาบรรณ ไม่เอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ตักตวงผลประโยชน์เข้าตน..
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สลา คุณวุฒิ จากครูบ้านป่าถึงครูเพลงลูกทุ่งไทย กว่าผลงานครูสลาจะเป็นที่ยอมรับ กว่าที่ครูสลาจะมาเป็น สลา คุณวุฒิ ที่ใคร ๆ รู้จักเช่นทุกวันนี้ เขาผ่านพบอุปสรรคต่าง ๆ นานามามากมาย ด้วยระหว่างการเดินทางของชีวิต ที่ใคร ๆ ต่างเรียกเขาว่า ครูบ้านป่า....จนถึง ครูเพลงลูกทุ่งไทย คนที่วันนี้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของใคร ๆ มากมายนั้น...ชีวิตเขาถือเป็นแบบเรียนที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ครูมีความฝันจะเป็นนักร้องนักแต่งเพลงมาตั้งแต่แรก:เรื่องร้องเพลงเรื่องแต่งเพลงไม่ได้คาดหวังอยากจะเป็น แต่มันชอบโดยธรรมชาติ...คนในบ้านผมถ้าใครมีพรสวรรค์เรื่องการร้องบ้าง จะชอบร้องเพลงกันทุกคน ไม่ใช่เฉพาะผม แต่เขียนเพลงนี่มีน้อย...ที่เขียนเพลงเริ่มมาจากมีศิลปินตาบอดในหมู่บ้านท่านหนึ่งชื่อ ศิลปินบุญมา...แกแต่งกลอนสดเก่งมาก เห็นใครก็แต่งได้เลย...ผมกับพี่ชายก็ตามประสาเด็ก ตามไปดู เห็นแล้วทึ่งมากว่าแกแต่งได้ยังไง พี่ชายบอกว่าพี่ก็แต่งได้เหมือนกัน เขาก็พาแต่งกลอน...มาแต่งจบเพลงจริง ๆ ก็ตอนที่ปั่นจักรยานจากหมู่บ้านมาเรียนที่โรงเรียนป่าติ้ววิทยา เป็นช่วงที่จบจากป.7 แล้วไปเรียน ม.1-ม.3 เป็นช่วงเข้าสู่วัยรุ่น เริ่มสนิทกับเพื่อน แล้วก็อวดกันเรื่องจีบสาวมั่ง อวดความสามารถกันมั่ง ตรงนี้เองที่ทำให้แต่งเพลงได้ แล้วมีเพลงที่ได้บันทึกเสียงจริงๆ จัง ๆ ตอนไหนคะ:ตอนเรียน ปกศ.สูงปีสุดท้ายผมก็ตั้งวงดนตรีกับเพื่อน ที่พูดถึงเรื่องนี้เพราะว่ามันทำให้ผมได้แต่งเพลงซึ่งต่อมา อ.รุ่งเพชร แหลมสิงห์ เอาไปบันทึกเสียงเป็นเพลงแรก...วันนั้นมี ชาย เมืองสิงห์ มีรุ่งเพชร แหลมสิงห์ ไปเล่นที่เมืองอุบลฯ เพื่อนที่เป็นกำลังใจทั้งหลายแหล่ก็พาผมเอางานไปเสนอ อ.รุ่งเพชรจนเป็นครูได้ประมาณ 6 เดือน ขณะที่ผมนั่งซักผ้าอยู่ เพื่อนครู จากอีกโรงเรียนหนึ่งก็ขับมอเตอร์ไซค์มาหาอย่างเร็วเลย แจ้งข่าวดีบอก สลา สลา โอ๊ย...ดังใหญ่แล้ว ๆ เห็นชื่อลงในหนังสือพิมพ์ เขาบอกสลาแต่งเพลงให้รุ่งเพชร แหลมสิงห์...แกก็ลงเชียร์อย่างดี มีนักแต่งเพลงหน้าใหม่จากอุบลฯ ชื่อ สลา คุณวุฒิ แต่งเพลง สาวชาวหอ ให้รุ่งเพชร รุ่งเพชรจะกลับมาก็มีการโปรโมทกันใหญ่ หลังจากนั้นก็ตั้งวงดนตรีตั้งวงดนตรีชื่อวง เทียนก้อม ขึ้นมา เลยทำให้แต่งเพลงมากขึ้น พอแต่งเสร็จก็เหมือนเดิม เพลงไหนดีเพื่อนก็ยุให้ส่งไปอัดแผ่นเหมือนเดิม ยิ่งตัวเองมีทางเพราะเคยส่งไปแล้วก็ยิ่งส่ง ตอนนั้นก็วางมือไม่ค่อยเขียนเรื่องสั้นแล้ว ปี 2525 เพลงเราฟลุ้กได้อัดแผ่น แต่ปรากฏว่าหลังจากเพลงนั้น ปี 2525-2528 ส่งไปก็เงียบหมดเลย ขยันด้วย แต่งได้เร็วมาก วันละ 2-3 เพลงก็แต่งได้ คิดอะไรเขียนเป็นเพลงหมด เขียนเสร็จก็ส่ง ๆ แต่เงียบหมด จนกระทั่งวงดนตรีเติบโตขึ้นตามลำดับที่เริ่มจะมาเป็นนักแต่งเพลงเพราะส่งไปแล้วไม่มีใครตอบรับเลยต้องตั้งวงเอง...พอเดินต่อมาสักระยะมันก็ไม่ไหว มันไม่ได้อย่างที่คิดก็คิดว่าจะหยุดแล้ว..ก็กำลังจะหันหลังให้เรื่องเพลงแล้ว พอดีแม่ป่วยหนักมาก แล้วเราไม่มีรายได้อย่างอื่นเลย มันเป็นตัวบีบผมคิดว่ารายได้พิเศษนอกจากการรับเงินเดือนคืออะไร มันก็มองเห็นอย่างเดียวคือแต่งเพลง ไอ้เรื่องสั้นก็คงไม่ไหวแล้ว พอแม่ป่วยหนักผมเลยหันมาเขียนเพลงตลาด เมื่อก่อนคือเขียนเพลงให้ตัวเองร้อง แต่ตอนนี้เขียนเพลงเพื่อจะส่งเดาสุ่มอีกครั้งหนึ่ง ปี 2535 แม่ป่วยหนัก ผมเขียนเพลงลูกทุ่งได้ 8 เพลง เขียนสาดไปเลย พอเมษาฯ 2535 แม่ก็เสีย เพลงที่เขียนไว้ยังไม่ทันได้ส่งไปไหนเลย หลังจากแม่เสียผมเลยถือเพลงทั้งหมดมากรุงเทพฯ เพราะตอนนั้นเพื่อนบอกว่ามีค่ายชัวร์ ออดิโอ ซึ่งตอนนั้นชื่อสยามชัวร์ เขาเปิดโอกาสให้นักแต่งเพลงหน้าใหม่ได้เสนอผลงานผมส่งเพลงประมาณพฤษภาคม 2535 กลางปี 2536 ทางชัวร์ ออดิโอโทร.ไปที่บ้าน ถามว่าเพลงชุดนี้อาจารย์ ขายไปหรือยังเพราะบริษัทเพิ่งได้ฟัง แล้วไปมาอย่างไรครูถึงมาอยู่แกรมมี่คะ :พอกระทงฯดัง พี่ตี่ผู้บริหารที่แกรมมี่ โกลด์ ก็เริ่มให้คนถามหา แกบอกอยากเชิญมาร่วมงาน ตอนนั้นไมค์ ภิรมย์พร เข้ามาอยู่แกรมมี่แล้ว ใครมีผลงานมีชื่อเสียงก็ถูกเชิญเข้ามา ผมเป็นหนึ่งในนั้น ครูมีวิธีคิดในการเลือกอย่างไรคะ ระหว่างอาชีพครูที่ครูรักมาก กับอาชีพนักแต่งเพลงที่กำลังไปได้ดี :ผมมาตัดสินใจได้ตรงนี้ เพื่อนครูด้วยกันที่เคยให้สนับสนุนให้เป็นผู้แทนครูเขาบอกว่า ให้มาเป็นนักแต่งเพลงเถอะ เพราะอาชีพครูนี่ สายบริหารหรืออะไรก็ตาม ยังมีเพื่อนคนอื่นที่จะเป็นแทนได้ ตำแหน่งครูใหญ่ไม่มีครูสลา คนอื่นเขาก็มาเป็นได้ แต่นักแต่งเพลงนี่ ใครอยากเป็นเขาก็ไม่ให้เป็นนะ ตอนที่มาอยู่แกรมมี่แล้ว เพลงที่สร้างชื่อให้ครูมีเพลงอะไรบ้างคะ :เพลงยาใจคนจน ของไมค์ แล้วก็มาได้เนื้อ ๆ เลยที่เป็นความภูมิใจมากของผมก็คือ ปริญญาใจ ซึ่งเป็นชุดที่พี่ตี่วางไว้ให้ผมดูแลอัลบั้ม ผมเลือกเพลงเอง แต่งเพลงเองส่วนใหญ่ เวลามีเพลงคนอื่นมาผมจะเลือกโดยอาศัยความรู้จากพี่ ๆ แกให้มา ทำหน้าที่เป็นโปรดิวซ์ เสร็จแล้วเพลงมันโดน มันดัง ขายได้ล้านกว่าตลับ ยิ่งใหญ่มาก นี่คือส่วนของแกรมมี่ ขณะเดียวกันผมแต่งเพลง รองเท้าหน้าห้อง ให้ ท็อป ไลน์ อันนั้นก็ล้านกว่า จากนั้นก็มาเพลง หัวใจคึดฮอด แดง จิตรกร ตอนนั้นมันมาหลายเพลง พี่เมาวันเขาหมั้น แมน มณีวรรณ ที่แกรมมี่หลังจากศิริพร ก็มาได้ชื่อจากต่าย อรทัย ดอกหญ้าในป่าปูน โทร.หาแหน่เด๊อ อันนี้ไม่ดังแรง แต่ยอดไปดีมาก ทุกวันนี้เจ็ดแสนกว่า ๆ ถือว่าสูง แล้วมาเพลง ต้องมีสักวัน ของก๊อต จักรพรรณ์ ขั้นตอนการเขียนเพลงของครูเป็นอย่างไรคะ :ผมจะมีสมุดกับปากกาติดตัวตลอด ถ้าแว้บเข้ามาจะรีบจดเลย ไม่งั้นถ้าลืมจะหงุดหงิดมากเลยเพราะเสียดาย มีคนถามเหมือนกันทำไมต้องสะพายย่ามเล็ก ๆ ตลอด เป็นโลโก้เลย ผมบอกไม่ใช่เลย เวลาคิดอะไรได้ถ้าหาปากกาไม่เจอมันจะลืม จะเครียดมากกว่าคิดไม่ได้เสียอีก ผมว่าทุกคนก็คงเป็น สมุดก็จะอยู่ในกระเป๋า ถ้าหยิบสมุดไม่ทันจะจดใส่มือแล้วก็รีบไปบันทึก ผมจะเขียนไอเดียและคำ บางครั้งไอเดียมันก็กลายเป็นคอนเซ็ปต์ทั้งหมด บางครั้งได้เฉพาะคำเด่น ๆ แล้วเราค่อยไปคิดต่อ จะเป็นอย่างนี้ ทำจนเป็นนิสัย และในฐานะที่ครูอยู่มาในวงการลูกทุ่งถึงสองทศวรรษ ครูอยากเห็นอะไรในวงการลูกทุ่งไทยในอนาคตบ้างคะ :ผมอยากให้วงการเพลงเป็นวงการเพลงโดยรวม ไม่อยากจะให้แบ่งว่าเป็นลูกทุ่ง สตริง เพลงมันแบ่งกันโดย รูปแบบของงาน แต่ใจคนทำงานผมไม่อยากให้แบ่ง และไม่อยากให้ตีค่าแบ่งแยกกันในความรู้สึก อย่างโครงการสองทศวรรษครูสลาทุกวันนี้ต้องการสู้เรื่องนี้ คือการหลอมทุกคนเป็นหนึ่งเดียว ถ้าถามว่าวันข้างหน้าอยากให้เป็นอย่างไร ผมก็อยากให้จุดนี้พัฒนาไปเรื่อย ๆ จนเหลือเฉพาะคำว่าวงการเพลงที่ดี ที่มีคุณภาพ มีคนคุณภาพ และก่อประโยชน์แก่สังคมเพราะจริง ๆ แล้วเพลงมันมีหน้าที่ทำให้คนมีความสุข แต่นอกจากมีความสุขแล้ว ถ้าทำได้อยากให้มันมีคำว่า สร้างสรรค์ เสริมเข้าไปด้วยชื่อครูสลาจะยังคงถ่ายทอดความสุขผ่านบทบาทเพลงสู่คนฟังตลอดไป ตราบเท่าที่คนไทยจะยังคงต้อนรับงานเพลง ของคนเขียนเพลง นาม สลา คุณวุฒิ ตลอดไป --------------------------------------------------------ที่มาจาก นิตยสารขวัญเรือน