หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 ... 10
31
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ 10 มิถุนายน 2568, เวลา 17:32:06 น. »
ลดสัดส่วน - ปัญหาโรคอ้วน น้ำหนักเกินค่ามาตรฐาน หรือ รูปร่างไม่ได้สัดส่วน ถือเป็นปัญหายอดฮิตในสังคมปัจจุบัน เนื่องจากปัจจัยทั้งด้านชนิดของอาหาร ความสะดวกสบายในการสั่งมาส่ง รวมถึงลักษณะการทำงาน การเดินทางที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไม่ว่างออกกำลังกาย และเงื่อนไขข้อจำกัดอื่นๆอีกมากมาย
แต่รู้หรือไม่ว่า การมีน้ำหนักเกินค่ามาตรฐาน จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพตามมามากมาย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคข้อเข่าเสื่อม ภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ และโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ
การประเมินว่า น้ำหนักของตัวเราเทียบส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่ สามารถหาได้จาก ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI) ซึ่งสามารถใช้คัดกรองเพื่อระบุผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือภาวะอ้วนและผู้ที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานในผู้ใหญ่ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป
วิธีการคำนวนค่า BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ÷ ส่วนสูง (เมตร)2 เช่น สูง 168 cm หนัก 58kg มี BMI = 58 ÷ (1.68 x 1.68) = 20.549
สำหรับการแปลผลนั้น ค่า BMI ในช่วง 18.5 – 22.90 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่สำหรับคนเอเชีย ถ้าค่าBMI ตั้งแต่ 23 ขึ้นไป ถือว่าน้ำหนักเกินแล้ว ทั้งนี้อาจมีข้อยกเว้นในกรณีที่มีมวลกล้ามเนื้อมาก อาจทำให้ค่า BMI สูงกว่าเกณฑ์ แม้จะมีรูปร่างดี

การลดน้ำหนัก ≠ การลดสัดส่วน
การลดน้ำหนัก คือ การเน้นไปที่การลดมวลไขมันทั่วทั้งตัว ไม่ได้เน้นไปที่การปรับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเป็นพิเศษ วิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปคือ การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบ cardio ซึ่งจะช่วยในการเผาผลาญพลังงาน เมื่อพลังงานที่ใช้ไปมากกว่าพลังงานจากอาหารที่ได้รับ ก็จะทำให้ร่างกายดึงเอาพลังงานสำรองที่เก็บอยู่ในรูปไขมันออกมาใช้ ทำให้น้ำหนักลดลง
ในด้านของการลดสัดส่วนนั้น จะมุ่งเน้นผลลัพธ์ไปที่รูปร่างและสัดส่วนเฉพาะที่ เช่น รอบเอว ต้นขา ต้นแขน หรือสะโพก โดยการลดสัดส่วนนั้นจะมีเป้าหมายเป็นการลดไขมันส่วนเกินของร่างกาย เพื่อให้เห็นสัดส่วนที่ดูกระชับสมส่วนมากขึ้น ขั้นตอนในการลดสัดส่วนนั้นมักจะซับซ้อนกว่าการลดน้ำหนัก เพราะจะต้องมีการออกกำลังกายแบบ weight training เฉพาะกล้ามเนื้อที่ต้องการให้ตรงจุด เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและลดไขมันเฉพาะที่
สำหรับการลดสัดส่วนนั้น จึงนิยมใช้ทางลัดทางการแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหานี้เป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ การใช้ยาฉีดสลายไขมันเฉพาะจุด ซึ่งอาจทำให้ไขมันลดลง แต่มีปัญหาผิวย่อน ไม่กระชับ หรือการใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อกระชับสัดส่วน แต่มักประสบปัญหาสามารถลดสัดส่วนได้ในช่วงแรก แต่ไม่สามารถคงผลลัพธ์นั้นไว้ได้ในระยะยาว
แล้วแพทย์แนะนำอย่างไร คลินิกสำหรับการลดสัดส่วนนั้น คุณหมอต้องได้ทำการวางโปรแกรมพิเศษเป็น signature servise เพื่อตอบโจทย์ทั้งในแง่การลดสัดส่วน กระชับผิว รวมไปถึงการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการลดสัดส่วน และไม่เกิดการโยโย่ตามมา
จึงมีการดีไซน์โปรแกรม Body Sculpt ซึ่งเป็นการใช้เครื่อง Exilis Ultra 360 ในการสลายไขมัน ควบคู่ไปกับการใช้เครื่อง Emsculpt เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้เห็นผลลัพธ์ในการลดสัดส่วนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
Exilis Ultra 360 คืออะไร? เป็นเทคโนโลยียกกระชับ ที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ในการยกกระชับผิวในชั้นบน ร่วมกับ คลื่นเสียง (Ultrasound) ซึ่งช่วยสลายไขมันใต้ชั้นผิวหนัง จึงสามารถสลายไขมันไปพร้อมกับกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับผู้มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดพร้อมกับการทำให้ผิวแน่นกระชับยิ่งขึ้น สามารถใช้ได้กับหลายพื้นที่ เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง รอบเอว สะโพก ปีกหลัง เป็นต้น
เครื่อง Exilis Ultra 360 ได้รับการรับรองจาก USFDA ว่ามีประสิทธิภาพในการลดไขมันเฉพาะจุด ช่วยกระชับผิว และลดเซลลูไลต์ได้ ตามที่มีงานวิจัยรับรอง แล้ว Emsculpt คืออะไร? เครื่อง Emsculpt ใช้เทคโนโลยี HIFEM(High-Intensity Focused Electromagnetic) หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูง เป็นตัวช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ ส่งพลังงานเข้าไปเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เกิดการหดตัว เสมือนการออกกำลังกาย โดยจะกระตุ้นด้วยความถี่ที่สูงเกินกว่าสมองจะสั่งการได้ หรือที่เรียกว่าSupramaximal muscle contraction ซึ่งการใช้เครื่อง Emsculpt กระตุ้นกล้ามเนื้อนี้ สามารถทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อเลียนแบบการออกกำลังกายที่กล้ามเนื้อมัดนั้นได้ถึง 20,000 ครั้ง ภายใน 30 นาที ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ เช่น หากเราใช้เครื่องกระตุ้นที่กล้ามเนื้อหน้าท้อง ก็เทียบเท่ากับเรา sit- up ไป 20,000 ครั้งในครึ่ง ชม เลยทีเดียว
ซึ่งการใช้เครื่อง Emsculptกระตุ้นกล้ามเนื้อนี้ ผ่านการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก USFDA ตามงานวิจัยพบว่า จะทำให้ร่างกายตอบสนองด้วยการสร้างมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นประมาณ 20 % เลยทีเดียว และยังพบว่า เมื่อมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น การเผาผลาญก็เพิ่มขึ้น จึงทำให้มวลไขมันในบริเวณดังกล่าว ลดลงไปประมาณ 20 % ด้วยเช่นกัน
โปรแกรม Body Sculpt จึงเป็นโปรแกรมพิเศษที่คุณหมอต้องแนะนำ ให้หนึ่งในตัวช่วยในการลดสัดส่วนเฉพาะจุด ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมัน และกระชับผิวไปพร้อมกัน เหมาะสำหรับวิถีชีวิตที่แสนยุ่งวุ่นวายในปัจจุบัน เพราะสามารถย่นระยะเวลาในการอกกำลังกายไปได้มาก อีกทั้งยังมีประโยชน์ ในคนที่มีข้อจำกัดในการออกกำลังกาย หรือมีปัญหาต้องการแก้ไขสัดส่วนเฉพาะจุด
32
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ 06 มิถุนายน 2568, เวลา 17:22:06 น. »
ในยุคนี้ การวางแผนการเงินเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน การเลือกประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องความคุ้มครองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประกันที่สามารถช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต เช่น ประกันควบการลงทุน และประกันเพื่อการออมเงิน ซึ่งแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของคุณ
ประกันควบการลงทุน (Unit-Linked Insurance) คืออะไร ความหมาย: เป็นประกันชีวิตที่ผสมผสานการคุ้มครองและการลงทุนในกองทุนต่าง ๆ โดยผู้เอาประกันสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่สนใจได้ จุดเด่น: โอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน พร้อมความคุ้มครองชีวิตในกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ ข้อเสีย: ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดทุน อาจมีผลตอบแทนไม่แน่นอน
ประกันเพื่อการออมเงิน (Endowment Insurance) คืออะไร ความหมาย: เป็นประกันชีวิตที่ออกแบบมาเพื่อสะสมเงินออมระยะยาว โดยจะจ่ายเงินคืนเมื่อครบกำหนดสัญญาหรือตอนเสียชีวิต จุดเด่น: เน้นความมั่นคงในการออมเงิน มีผลตอบแทนแน่นอนตามอัตราที่กำหนด ข้อเสีย: ผลตอบแทนต่ำกว่าการลงทุนในตลาดทุน แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

ข้อดีและข้อเสีย ประกันควบการลงทุน ข้อดี: โอกาสรับผลตอบแทนสูง จากการลงทุนในตลาดทุน ลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมายกำหนด ข้อเสีย: ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
ประกันเพื่อการออมเงิน ข้อดี: ผลตอบแทนแน่นอน ปลอดภัย เน้นความมั่นคง ลดหย่อนภาษีได้ ข้อเสีย: ผลตอบแทนต่ำกว่าแบบลงทุน ภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายต่อเนื่อง
เลือกประกันแบบไหนที่เหมาะกับคุณ ถ้าคุณมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้ ควรพิจารณาประกันควบการลงทุน ถ้าคุณต้องการความปลอดภัยและผลตอบแทนแน่นอนในระยะยาว การเลือกประกันสะสมทรัพย์ เพื่อการออมเงินจะเป็นตัวเลือกที่ดี
การเลือกประกันควบการลงทุนหรือประกันเพื่อการออมเงินขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่คุณยอมรับ หากต้องการผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้ ประกันควบการลงทุนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าคุณเน้นความมั่นคงและแน่นอนในผลตอบแทน ประกันเพื่อการออมเงินคือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด
33
แวะอ่านกันหน่อยครับ ไม่ใช่ปล่อยผ่านไป
34
« กระทู้ล่าสุด โดย น้ำฝน เมื่อ 30 พฤษภาคม 2568, เวลา 07:33:45 น. »
35
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ 28 พฤษภาคม 2568, เวลา 16:44:17 น. »
ห้องน้ำสวยๆเป็นพื้นที่สำคัญในบ้านที่ไม่เพียงแต่ใช้เพื่อความสะอาด แต่ยังเป็นสถานที่ที่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายและความสุขในชีวิตประจำวัน การออกแบบห้องน้ำให้สวยงามและใช้งานได้อย่างลงตัวจึงเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ แนวทางการแต่งห้องน้ำ รวมถึงอุปกรณ์ห้องน้ำที่ช่วยเสริมความสวยงามและความสะดวกสบาย
ไอเดียการตกแต่งห้องน้ำให้สวยงาม เลือกโทนสีที่เหมาะสม สีขาว คลาสสิก เพิ่มความรู้สึกสะอาดและกว้าง โทนสีเทา น้ำตาลอ่อน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและโมเดิร์น สีพาสเทล เช่น ฟ้าอ่อน ชมพูอ่อน ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
เลือกเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ที่เข้ากัน เลือกเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า โต๊ะอาบน้ำ และชั้นวางของให้เข้าชุดกัน เพื่อความเป็นระเบียบและสวยงาม
ใช้แสงไฟที่เหมาะสม เลือกไฟส่องสว่างแบบนุ่มนวล เสริมบรรยากาศผ่อนคลาย เพิ่มไฟ LED ที่ให้ความสว่างทั่วถึงและประหยัดพลังงาน
ตกแต่งด้วยของตกแต่งเล็กๆ พรมเช็ดเท้า ตะกร้าหรือกล่องเก็บของ ตุ๊กตา หรือภาพศิลปะ เพื่อเพิ่มความน่ารักและความเป็นส่วนตัว

อุปกรณ์ห้องน้ำที่ควรมีเพื่อความสวยงามและใช้งานดี อ่างล้างหน้าสวยงามและใช้งานได้ดี ฝักบัวและอุปกรณ์ฝักบัวคุณภาพสูง กระจกเงาขนาดพอเหมาะ พร้อมกรอบดีไซน์สวยงาม ชั้นวางของและกล่องเก็บของ เพื่อความเป็นระเบียบ ที่แขวนผ้าเช็ดตัวและผ้าขนหนูอย่างเป็นระเบียบ อุปกรณ์อาบน้ำ เช่น สบู่ ฟองน้ำ แชมพู ครีมนวดผม
เคล็ดลับแต่งห้องน้ำให้ดูสวยงามและใช้งานได้ดี เลือกวัสดุที่ทนทานต่อความชื้น เช่น กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องแก้ว หินอ่อนเทียม คำนึงถึงการระบายอากาศที่ดี เช่น ติดตั้งพัดลมดูดอากาศ เพื่อป้องกันกลิ่นและความชื้นสะสม จัดวางอุปกรณ์ให้เข้าถึงง่ายและดูเป็นระเบียบ เพิ่มต้นไม้เล็กๆ เพื่อความสดชื่นและสร้างบรรยากาศธรรมชาติ
การตกแต่งห้องน้ำให้สวยงามไม่ใช่เรื่องยาก เพียงใส่ใจเลือกอุปกรณ์ห้องน้ำ และไอเดียการตกแต่งให้เข้ากับสไตล์บ้านการมีห้องน้ำที่สวยงามและใช้งานได้อย่างลงตัวจะช่วยเพิ่มความสุขในชีวิตประจำวันและสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน
36
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ 26 พฤษภาคม 2568, เวลา 14:43:18 น. »
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่เป็นโรคร้ายแรงเกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์หลัก ๆ ที่ก่อให้เกิดโรคในมนุษย์มีดังนี้
สายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A: เป็นสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยและมีความรุนแรงที่สุดมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมได้ง่าย ทำให้เกิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ ๆ อยู่เสมอ สามารถพบได้ในสัตว์หลายชนิด เช่น นก สุกร และมนุษย์ ตัวอย่างสายพันธุ์ย่อยที่สำคัญ ได้แก่ H1N1 (ไข้หวัดใหญ่ 2009) และ H3N2
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B: พบได้เฉพาะในมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมน้อยกว่าสายพันธุ์ A โดยทั่วไปมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ A
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C: พบได้น้อยกว่าสายพันธุ์ A และ B โดยทั่วไปมีอาการไม่รุนแรง คล้ายไข้หวัดธรรมดาไม่ค่อยก่อให้เกิดการระบาด

อาการของไข้หวัดใหญ่จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปจะมีอาการดังนี้: ไข้สูง, ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อยตามตัว, เจ็บคอ, ไอ, คัดจมูก, อ่อนเพลีย
ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัสและสุขภาพของผู้ป่วย โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่: เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน หญิงตั้งครรภ์
วิธีการรักษา การรักษาตามอาการ:พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ ใช้ยาลดไข้และยาแก้ปวด ยาแก้ไอและยาแก้คัดจมูก
การรักษาด้วยยาต้านไวรัส: ยาต้านไวรัส เช่น โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) และซานามิเวียร์ (Zanamivir) สามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคและระยะเวลาการป่วยได้ ยาเหล่านี้ควรใช้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการ การป้องกัน: การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุด การล้างมือบ่อย ๆ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยการปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม หากมีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ค่ารักษาไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาลเอกชนนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความรุนแรงของอาการ: หากมีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ ค่ารักษาจะสูงขึ้น ระยะเวลาในการรักษา: หากต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ค่ารักษาจะสูงขึ้น โรงพยาบาล: โรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่งมีค่ารักษาที่แตกต่างกัน การตรวจวินิจฉัย: การตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด การเอกซเรย์ หรือการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จะเพิ่มค่าใช้จ่าย ยาและเวชภัณฑ์: ยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษา จะมีผลต่อค่าใช้จ่าย โดยทั่วไปแล้ว ค่ารักษาไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาลเอกชนอาจมีค่าใช้จ่ายประมาณดังนี้:
ค่าตรวจผู้ป่วยนอก (OPD): ประมาณ 1,000 - 10,000 บาทต่อครั้ง ค่ารักษาผู้ป่วยใน (IPD): ประมาณ 46,000 - 72,000 บาท ขึ้นไปต่อการนอนโรงพยาบาล 1 ครั้ง ข้อควรทราบ ค่ารักษาที่กล่าวมาเป็นเพียงค่าประมาณ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากซื้อประกันออนไลน์ ควรตรวจสอบความคุ้มครองและเงื่อนไขกับบริษัทประกัน
คำแนะนำ หากมีอาการไข้หวัดใหญ่ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
37
คำว่า ญาติ / อนุญาต / อนุญาติ ควรใช้เวลาไหน
ท่องโลกมานานจวบจนได้เงินเดือน สว..600/เดือน..อิอิ ก็ให้ขัดตากับการใช้ภาษาไทย 2 คำ ดังจั่วหัว เอางี้อ่านด้านล่างที่ผมอธิบายไว้ มีเคล็ดลับไม่ยากที่จะจดจำ
ญาติ คำนี้ ใช้กับ ญาติพี่น้อง เท่านั้น ให้จำประโยคเดียวนี้เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ไม่มีสระ " ิ"
อนุญาต คำนี้ ใช้ทั่วไป
อนุญาติ คำนี้ ไม่มีใช้ในโลกนี้
เข้าใจตามด้านบนแล้วนะครับ
38
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ 23 พฤษภาคม 2568, เวลา 14:34:50 น. »

1. ความสูงที่เหมาะสม ควรเลือกใช้สุขภัณฑ์ที่มีความสูง 40-45 ซม. เพราะเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป เด็ก ผู้สูงอายุ ไปจนถึงผู้ที่ใช้วีลแชร์ เนื่องจากขณะใช้งานผู้ใช้งานจะนั่งลงบนโถสุขภัณฑ์ และเหยียบพื้นได้เต็มเท้าพอดี 2. รูปทรงโถสุขภัณฑ์ สำหรับรูปทรงโถสุขภัณฑ์ที่นั่งสบาย ควรเลือกใช้ทรงวงรี หรือทรงอีลองเกตที่เป็นทรงมาตรฐาน รองรับสรีระร่างกายได้อย่างเหมาะสม 3. ระบบชำระล้าง ควรเลือกระบบชำระล้างที่ทำความสะอาดได้หมดจด ไม่เหลือคราบสิ่งสกปรกตกค้าง ซึ่งจะช่วยเรื่องการประหยัดน้ำได้โดยตรง เพราะในสุขภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้ต้องกดชำระหลาย ๆ ครั้ง เป็นการสิ้นเปลืองน้ำโดยไม่จำเป็น ซึ่งเรื่องระบบชำระล้าง และความประหยัดน้ำ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาคู่กัน 4. เลือกสุขภัณฑ์ที่ดูแลง่าย เพราะสิ่งสกปรก เชื้อโรคและเชื้อไวรัสที่มองไม่เห็นนั้นมีอยู่ทุกที่ โดยเฉพาะบนโถชักโครก ดังนั้นควรเลือกชักโครกที่ทำความสะอาดง่าย สะอาดได้อย่างยาวนาน ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อยครั้ง เพื่อปกป้องทุกคนในครอบครัวจากเชื้อโรค และลดการสัมผัสสารเคมีจากน้ำยาล้างห้องน้ำได้อีกด้วย 5. เลือกแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก เพราะแบรนด์ที่มีชื่อเสียง จะช่วยให้เข้าถึงข้อมูลการใช้งานได้มากขึ้น รวมถึงยังได้รับบริการที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาด้านการเลือกซื้อ ไปจนถึงบริการติดตั้ง และบริการหลังการขายที่ครอบคลุม จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะได้เครื่องสขภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ใช้งานได้อย่างยาวนาน

ประเภทโถสุขภัณฑ์ห้องน้ำของ 1. โถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียว มีจุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์และทำความสะอาดง่าย เนื่องจากโถส้วมถูกเชื่อมกับถังพักน้ำแบบไร้รอยต่อ ช่วยให้ติดตั้งและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น 2. โถสุขภัณฑ์แบบสองชิ้น โถชักโครกประเภทนี้ จะมีรอยต่อระหว่างตัวโถส้วมและถังพักน้ำ ซึ่งหากถังพักน้ำมีความเสียหาย มีรอยร้าว ก็สามารถเปลี่ยนอะไหล่เฉพาะส่วนได้โดยง่าย 3. โถสุขภัณฑ์แขวนผนัง การติดตั้งโถแบบนี้จะช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาดเป็นพิเศษ เพราะโถชักโครกไม่อยู่ติดกับพื้นแต่จะแขวนอยู่กับผนังแทน ดังนั้นผนังบ้านต้องรับน้ำหนักได้ดี และมีระยะท่อตามที่กำหนดไว้อย่างได้มาตรฐาน จึงจะสามารถติดตั้งได้ 4. โถสุขภัณฑ์ตั้งพื้น โถลักษณะนี้จะมีหม้อน้ำซ่อนผนังหรือใช้ฟลัชวาล์วซ่อนผนัง สามารถรับน้ำหนักได้มากเพราะมีฐานที่มั่นคง อีกทั้งการที่ไม่เห็นถังพักน้ำ ยังช่วยทำให้ห้องน้ำของคุณดูโดดเด่น มีสไตล์มากยิ่งขึ้น
จุดเด่นของโถสุขภัณฑ์ห้องน้ำ สิ่งสำคัญที่สุดของโถสุขภัณฑ์ คือความสะอาด หากไม่ทำความสะอาดเป็นประจำ อาจก่อให้เกิดคราบสกปรก จนกลายเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคและแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้งานได้ ด้วยเหตุนี้ จึงได้พัฒนาสาร CEFIONTECT ซึ่งเป็นสารชนิดพิเศษที่ทำให้ผิวอุปกรณ์ชักโครกเรียบลื่น ทำความสะอาดง่าย ช่วยลดความถี่ในการทำความสะอาด และลดการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ ซึ่งถือเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย
นอกจากความสะอาดแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการประหยัดน้ำจึงได้พัฒนาระบบชำระล้างที่เรียกว่า TORNADO FLUSH โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการชำระล้างด้วยกระแสน้ำที่แรง และหมุนวนครบ 360 องศา ทำให้โถสุขภัณฑ์สะอาดทั่วทุกทิศทางด้วยปริมาณน้ำที่น้อยลง โดยสุขภัณฑ์ใช้น้ำน้อยที่สุดเพียง 3.8 ลิตรเท่านั้น ถือเป็นตัวช่วยประหยัดน้ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
39
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ 21 พฤษภาคม 2568, เวลา 14:45:20 น. »
ถ้าพูดถึงการวางแผนทางเงินแบบเบสิกแล้ว โดยทั่วไปหลายคนจะมีวิธีการออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต โดยการฝากเงินในรูปแบบการประกันชีวิต ซึ่งเป็นการวางแผนทางการเงินแบบความเสี่ยงต่ำ เพื่อรักษาเงินต้นไม่ให้หายไป แต่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตามมาว่าเราจะได้รับผลตอบแทนที่น้อย ยิ่งปัจจุบันเป็นยุคที่มีอัตราดอกเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องมองหาแผนทางการเงินใหม่เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ประกันออมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับพิจารณาในการวางแผน
เปลี่ยนเงินฝากมาเป็นประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ ดีกว่าอย่างไร ก่อนอื่น เราจำเป็นต้องทำความรู้จักกับ ประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ กันก่อน ซึ่งประกันออมทรัพย์เป็นประกันอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีหลักการคือเน้นการสะสมเงิน (ออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต) พร้อมกับความคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมา โดยเราจำเป็นต้องส่งเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กรมธรรม์ระบุไว้ เมื่อครบกำหนดประกันออมทรัพย์ก็จะจ่ายเงินคืนให้เรา ซึ่งการจ่ายเงินคืนนี้จะเป็นไปตามที่เราตกลง โดยทั่วไปแล้วจะมีการจ่ายคืนเป็นก้อน หรือจ่ายเงินคืนระหว่างทางตลอดสัญญา และในกรณีที่เราเสียชีวิตระหว่างที่ส่งกรมธรรม์ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินก้อนที่เรียกว่า "จำนวนเงินเอาประกัน" ตามที่ระบุไว้ในกรรมธรรม์ ผลตอบแทนมากกว่า ผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์นั้นเราจำเป็นต้องดูจากผลประโยชน์เกี่ยวกับเงินปันผล เงินคืน และเงินครบกำหนดสัญญา ซึ่งถ้ามีการจ่ายคืนแบบ "คงที่" ตรงนี้เราสามารถคำนวณจำนวนเงินได้ทันที ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ดังนั้นประกันออมทรัพย์จึงเหมาะสำหรับใครที่มีเป้าหมายเพื่อออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต และทำประกันชีวิตไปพร้อมๆ กัน ซึ่งตรงนี้ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าและตรงใจ

ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ เงินที่ได้รับจากประกันออมทรัพย์นั้นจะไม่มีการเสียภาษีใดๆ นั่นหมายถึงเราจะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนดสัญญาของประกันออมทรัพย์ ทั้งนี้ยังสามารถใช้สิทธิเพื่อลดหย่อนภาษีได้เมื่อประกันออมทรัพย์ที่มีอายุกรรมธรรม์และคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้สูงสุดปีละ 100,000 บาท
ได้รับความคุ้มครองเพิ่ม การวางแผนทางการเงินในรูปแบบประกันออมทรัพย์ นอกจากจะเป็นการสะสมทรัพย์แล้ว ยังมีการคุ้มครองชีวิตเพิ่มเข้ามาด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือไม่คาดฝันขึ้น ยังมีความคุ้มครองจากประกันออมทรัพย์ที่จะช่วยคุ้มครองดูแลเราและครอบครัว นอกจากนี้ยังสามารถซื้อประกันอื่นๆ เพิ่มเติมได้เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ โดยที่จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล รวมถึงเงินชดเชยรายได้ระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน การลงทุนในรูปแบบประกันออมทรัพย์ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวและสม่ำเสมอ เป็นการสร้างวินัยในการออมในรูปแบบการประกันชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อครบสัญญาตามกรมธรรม์ ผู้ที่ถือประกันจะได้รับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกำหนด นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านการลงทุนหรือวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นคง นั่นก็คือ สามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจากมูลค่าเวนคืนเงินสดตามกรมธรรม์ได้ ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับใครที่ต้องการทำการลงทุน
การฝากเงินธรรมดาทั่วไปให้ผลตอบแทนที่น้อยมากในปัจจุบัน และยังต้องมีการเสียภาษี ซึ่งประกันเหมาจ่าย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกทางเลือกที่ดี เพื่อเพิ่มเติมผลตอบแทนในระยะยาว และยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ แน่นอนว่าข้อดีนี้เหมาะกับใครที่มีรายได้เข้าเกณฑ์เสียภาษี ที่สำคัญยังเหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหาการคุ้มครองชีวิต สุขภาพ รวมถึงอุบัติเหตุ ไว้ให้กับตนเองและครอบครัวอีกด้วย
40
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ 19 พฤษภาคม 2568, เวลา 16:44:20 น. »
ปัญหาฝักบัวน้ำไม่แรงสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแต่ละสาเหตุมีวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกันไป ก๊อกฝักบัว แบบไหนดี เพื่อให้น้ำไหลได้แรงดั่งใจอีกครั้ง ฝักบัวน้ำไม่แรง เป็นหนึ่งในปัญหาที่คอยกวนใจใครหลาย ๆ คนอยู่เป็นประจำ เวลาอาบน้ำ ทำให้คุณไม่สามารถใช้งานฝักบัวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาสาเหตุและวิธีแก้ไขเพื่อให้น้ำไหลแรงได้ดั่งใจ

5 สาเหตุของฝักบัวน้ำไม่แรงและวิธีการแก้ไข 1. สิ่งสกปรกอุดตันฝักบัว หากคุณใช้งานฝักบัวมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วเกิดปัญหาน้ำไม่แรงขึ้น อาจมีสาเหตุมาจากการอุดตันของคราบสกปรกหรือตะกอนต่าง ๆ ที่ปนเปื้อนมากับน้ำ ซึ่งมักจะฝังตัวอยู่ในบริเวณหัวฝักบัว สายยาง และท่อทางเดินน้ำ ทำให้น้ำฝักบัวไหลไม่แรงเท่าที่ควร
วิธีแก้ไข ถ้าปัญหาฝักบัวน้ำไม่แรงเกิดจากสาเหตุข้างต้นนี้ล่ะก็ วิธีการแก้ไขในเบื้องต้น คือ ให้ถอดฝักบัวมาทำความสะอาด หากมีสิ่งอุดตันไม่มาก ให้ล้างด้วยน้ำสะอาด แต่หากมีสิ่งอุดตันติดแน่นมาก ให้ใช้น้ำยาแช่เอาไว้ หรืออาจจะแช่ด้วยน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำเปล่า แล้วจึงใช้แปรงขัดออก ก็จะช่วยขจัดสิ่งที่อุดตันให้หายไปได้ 2. แรงดันน้ำไม่มากพอ สาเหตุหลัก ๆ อีกอย่างที่ทำให้ก๊อกฝักบัวน้ำไม่แรง คือ ปัญหาแรงดันน้ำที่เบาเกินไป รวมถึงขนาดปั๊มน้ำที่ขนาดเล็กและไม่เพียงพอต่อการใช้งานในบ้าน ส่งผลให้น้ำที่ไหลออกมาเบา หลาย ๆ บ้านเกิดปัญหานี้ในช่วงเวลาที่มีการเปิดน้ำพร้อมกันทีเดียวหลายจุด
วิธีแก้ไข วิธีแก้ปัญหานี้ต้องใช้ผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เข้ามาตรวจเช็ครายละเอียดของปั๊มน้ำ ซึ่งเราต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมพอดีกับบ้าน ทั้งจำนวนชั้น จำนวนสมาชิก และจุดที่สามารถเปิดใช้น้ำด้วย เพื่อให้มีแรงดันน้ำที่เพียงพอกับการใช้งาน และทำให้คุณได้ใช้ฝักบัวที่น้ำไหลแรงดั่งใจต้องการ 3. เครื่องทำน้ำอุ่นชำรุด อีกหนึ่งสาเหตุที่หลายคนคาดไม่ถึง คือ การเกิดปัญหากับเครื่องทำน้ำอุ่นที่เกิดการชำรุด แล้วส่งผลให้น้ำฝักบัวไม่แรง โดยส่วนใหญ่ที่พบเจอนั้น เป็นการรั่วซึมของหม้อทำน้ำอุ่น ซึ่งทำให้น้ำที่จะไหลไปยังฝักบัวรั่วซึมออกมาและเบาลงนั่นเอง บางครั้งอาจเกิดจากเครื่องทำน้ำอุ่นที่ไม่ได้ชำรุด แต่เกิดคราบตะกรันสะสมที่ฟิลเตอร์ตัวกรองสิ่งสรกปกอุดตัน เป็นเหตุให้น้ำไหลเบาได้เช่นกัน
วิธีแก้ไข ส่วนวิธีการแก้ไข ทำได้โดยการเช็คฟิลเตอร์ตัวกรองและทำความสะอาดเบื้องต้นก่อน ถ้าทำความสะอาดแล้ว น้ําของฝักบัวยังไหลเบาอยู่ จึงค่อยทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเครื่องทำอุ่นใหม่ ก็จะหมดปัญหาไปในทันที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะไม่กลับมาอีก หากคุณไม่หมั่นตรวจเช็คเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างเป็นประจำ อาจทำให้ฝักบัวน้ำไม่แรงอีกได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้หากยังใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นที่ชำรุดต่อไป อาจก่อให้เกิดอันตรายอื่น ๆ ตามมาได้อีกด้วย
4. ระบบกรองน้ำมากเกินไป การมีระบบกรองน้ำหลายชั้นมีข้อดีอย่างหนึ่ง คือ ช่วยให้คุณได้ใช้น้ำที่ได้สะอาด ปลอดภัย และกรองสิ่งปรกออกไปให้มากที่สุด แต่ข้อเสียที่อาจจะตามมา คือ ทำให้เกิดปัญหาน้ำฝักบัวไหลเบา เนื่องจากน้ำต้องไหลผ่านการกรองหลายชั้นมากเกินไป ซึ่งคุณคงจะไม่ชอบปัญหานี้แน่ ๆ
วิธีแก้ไข และปัญหานี้สามารถแก้ได้จากเลือกใช้ฝักบัวที่มีระบบกรองน้ำเพียง 1-2 ชั้น หรือลดชั้นกรองให้น้อยลงไปจากฝักบัวเดิมที่ใช้อยู่ เพื่อให้น้ำได้ไหลผ่านระบบกรองเร็วขึ้น เป็นการช่วยปรับให้น้ำฝักบัวไหลแรงมากขึ้นด้วย

5. ฝักบัวไม่มีคุณภาพ หลายครั้งปัญหาเกิดขึ้นจากคุณภาพของฝักบัวอาบน้ำที่ไม่ได้มาตรฐาน ทั้งจากวัสดุใช้ที่ไม่มีคุณภาพในการผลิต รวมถึงไม่ได้ออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการน้ำไหลแรงนั่นเอง
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 ... 10
|