สายไฟเบอร์ออฟติก Single Mode และ Multi Mode ต่างกันยังไงที่มา:
www.satsdigital.com/สายไฟเบอร์ออฟติกสายไฟเบอร์ออฟติก Single Mode และ Multi Mode ต่างกันยังไง1. สายไฟเบอร์ออฟติกแบบ Single Modeสายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Single Mode (ซิงเกิ้ลโหมด) จะใช้สัญลักษณ์ สีเหลือง เป็นตัวบ่งบอก จะมีแกนไฟเบอร์หรือที่เรียกกันว่าคอร์ (Core) ไฟเบอร์ที่เล็กกว่า 10 ไมครอน มาตรฐานที่ใช้กันจะอยู่ที่ขนาด 9 ไมครอน ฝังอยู่ภายในชั้นที่เราเห็นว่าเป็นเส้นแก้วหรือชั้น (Cladding) ที่มีขนาด 125 ไมครอน มาตรฐาน Fiber Optic os2 จึงเป็นที่มาของคำเรียกที่ว่า 9/125µm นั่นเอง ความยาวคลื่นแสงที่เหมาะสมกับสาย Single Mode คือ 1310nm-1625nm นาโนเมตร (nm) ดังนั้นด้วยขนาดของคอร์ไฟเบอร์ที่มีขนาดเล็ก และแสงเดินทางเป็นเส้นตรง จึงมีการสะท้อนแสงน้อยเมื่อลำแสงวิ่งผ่านสายไฟเบอร์ชนิดนี้
จึงทำให้สามารถรับส่งสัญญาณได้ไกลถึง 100 กิโลเมตรเลยทีเดียว2. สายไฟเบอร์ออฟติกแบบ Multi Modeสายไฟเบอร์ออฟติกแบบ Multi Mode (มัลติโหมด) ส่วนใหญ่จะใช้สัญลักษณ์ สีส้ม เป็นตัวบ่งบอก จะมีแกนไฟเบอร์หรือคอร์อยู่ด้วยกัน 2 ขนาดคือ ขนาด 50 ไมครอน และขนาด 62.5 ไมครอน ฝังอยู่ภายในชั้นที่เราเห็นว่าเป็นเส้นแก้วหรือชั้น (Cladding) ที่มีขนาด 125 ไมครอน เช่นเดียวกันกับสายแบบ Single Mode คำเรียกที่คุ้นเคยคือ 50/12µm และ 62.5/125µm ความยาวคลื่นแสงที่เหมาะสมในการใช้งานคือ 850 นาโนเมตร (nm) ด้วยขนาดของคอร์ไฟเบอร์ที่มีขนาดใหญ่ และการเดินทางของลำแสงจะเป็นลักษณะสะท้อนขึ้นลงในคอร์ไฟเบอร์ แสงจึงเดินทางได้ช้ากว่าและมีการลดทอนมาก ทำให้ระยะใช้งานสั้นลงตามไปด้วย ยิ่งคอร์ไฟเบอร์มีขนาดใหญ่ ระยะก็จะสั้นลงไปอีกถ้าเปรียบเทียบกันเองคือ ระยะของ Multi Mode 62.5 ไมครอน จะได้ระยะทางที่สั้นกว่า Multi Mode 50 ไมครอนนั่นเอง
สายมัลติโหมดจะเหมาะกับการใช้งานระยะทางสั้นๆ ยิ่งยาวยิ่งลดทอนมาก ไม่เกิน 550 เมตร ที่ความยาวคลื่นแสง 850nm และสูงสุดที่ 2 กิโลเมตร ที่ความยาวคลื่น 1310nm โดยประมาณครับ