ปีชง เรื่องจริง หรือลวงโลก?
เครดิตทั้งหมดเป็นของ : https://pantip.com/topic/42452460ขออนุญาตอ้างอิงบทความนะครับ เพราะผมคนนึงไม่มีความเชื่อเรื่อง โชค ลาง ของขลัง
พวกคุณคิดว่าอย่างไรกับศาสตร์เกี่ยวกับปีชง คุณคิดเห็นอย่างไรกรุณาคอมเม้นต์โดยอิสระได้เลยครับ
ความเห็นส่วนตัว
ส่วนตัวของเรา ปีชงพึ่งจะเป็นที่รู้จักในสังคมไทยได้ประมาณ 10กว่าปีนี่เอง
สมัยก่อนไม่เคยมีคำว่าปีชงมาก่อน จนกระทั่งวัดพาณิชย์บางแห่งเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมาและรับแก้ชง เป็นแผนการตลาดที่เล็งเห็นว่าจะทำเงินได้ดี
ช่วงแรกๆคนก็ยังไม่ค่อยสนใจมากมายอะไร จนกระทั่งมีการออกทีวี หมอดูต่างๆก็ออกมากระพือเรื่องนี้ ด้วยหวังจะเกาะกระแสสร้างชื่อเสียง
จน "ปีชง" กลายเป็นที่รู้จักของผู้คนในวงกว้าง
แรกๆก็จะมีปีชงแค่ ปีละ 1 ปีนักษัตร แต่รายได้มันยังไม่มากพอ และเมื่อเห็นโอกาสทางธุรกิจ เอาเลยจ้า ชงเพิ่มขึ้นจนเรียกได้ว่า แทบจะไม่มีปีนักษัตรไหนเลยที่ไม่ชง (มีแหละแต่น้อย)
ปัจจุบัน รายได้ของวัดที่รับแก้ชง ต่อปีอยู่ที่หลักพันล้าน!!!
อ่านไม่ผิดครับ "พันล้าน"
และยังมีแผนเปิดรับแก้ปีชงออนไลน์ด้วยครับ
แก้ชงแล้วรวยขึ้น ชีวิตดีขึ้นไหมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆวัดที่รับทำตอนนี้ร่ำรวยไม่รู้จะรวยยังไงแล้วจ้า
เอาบทความน่าสนใจมาให้อ่านกันครับจาก Post today
"แก้ชง" มีเฉพาะประเทศไทย?
เทศกาลขึ้นปีใหม่ของทุกปี สิ่งที่คนไทยนิยมทำกันอย่างมากควบคู่ไปกับการทำบุญไหว้พระตามวัดต่างๆ คือการขนขบวนกันไป “แก้ชง” ที่วัดจีนกันอย่างคึกคักและครึกโครม แถมด้วยการซื้อเครื่องรางราคาแพงมากแพงน้อย ห้อยพกติดตัวกันตลอดปีตลอดวันกันอย่างไม่เหนื่อยหน่าย
น่าสงสัยว่า ความเชื่อในเรื่องปีชง แก้ชงที่รับอิทธิพลมาจากประเทศจีนนั้นมีมายาวนานแค่ไหน ทำไมคนไทยถึงดิ้นรนขวนขวายกับการแก้ชงอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง หรือจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ทุ่มทุนบุญกุศลกับการนี้ การแก้ชงในประเทศไทยเริ่มต้นมีมาอย่างไร ใครที่ได้และใครที่เสีย
วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศจีนกล่าวว่า ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ไม่เคยได้ยินเรื่องการต้องไปแก้ชง พวกที่วันนี้อายุ 60 ปีขึ้นไป ก็เชื่อว่าจะไม่เคยได้ยินเช่นกัน
ตอนเด็กๆ ถ้าปีไหนชง ก็ทำกันเองในบ้านเล็กๆ น้อยๆ คุณแม่คุณยายทำให้ พอเป็นขวัญกำลังใจเด็ก แต่ปัจจุบันการแก้ชงกลายเป็นสายการผลิต เป็นโปรดักชั่นไลน์ ตอนเด็กๆ ไม่เคยดิ้นรนว่าต้องแก้ชง แต่เดี๋ยวนี้เป็นคนละเรื่อง
“ก็น่าคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนไทย เป็นเรื่องที่คนไทยต้องถามตัวเอง เหมือนกับภูเก็ตที่ต้องกินเจ กลายเป็นกินเจแฟชั่น กินเจเพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว การแก้ชงก็เหมือนกัน เดี๋ยวนี้แก้ชงกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน หลายเจ้าหลายสำนัก กลายเป็นพิธีพาณิชย์ เพื่อขายของแก้ชงกันแบบผลิตไม่ทัน”
วิโรจน์ กล่าวอีกว่า การแก้ชงในทุกวันนี้กลายเป็นพิธีเพื่อหวังผล ที่ดูน่ากลัวในมุมที่ว่า คนเราห่างจากศาสนาไปทุกที เข้าข่ายน่าเคลือบแคลง น่าสงสัย ต้องตั้งคำถามถามกันเองว่า แก้ชงแล้วได้ผลหรือไม่ ได้ผลจริงหรือ ทำไมช่างมหัศจรรย์จังเลย แย่งสามีชาวบ้านเสร็จแล้วทำพิธีแก้ชง พูดปดมาตลอดทั้งปีแล้วแก้ชง แก้แล้วก็หายกันอย่างนั้นหรือ ขัดกับหลักพระพุทธศาสนามาก
“ศาสนาพุทธสอนให้เราเชื่อในกฎแห่งกรรม คือการกระทำ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว กงเกวียนกำเกวียน พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้หมดแล้ว แต่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ชีวิตคนมีดีแล้วก็มีชั่ว ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหนเป็นของจริง ดอกไม้ไม่แดงทั้งร้อยวัน ดอกไม้ที่แดงร้อยวันคือดอกไม้พลาสติก บางปีดีก็เสวยบุญ ปีไหนไม่ดีก็เสวยวิบากไปซิ กลัวอะไรกับชีวิต”
เรื่องแก้ชงต้องตั้งสติกันใหม่ เพราะ 1.การแก้ชงไม่ได้ให้ผลทันตา ไม่ใช่คทาวิเศษที่โบกให้ซวยไปเฮงมาได้ในบัดดล
2.ประเทศไทยเป็นประเทศที่ยึดในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็เมื่อหนึ่งในหลักยึดคือศาสนา พระพุทธเจ้าก็ทรงสั่งสอนไว้แล้วในเรื่องกฎแห่งกรรม เพราะฉะนั้นก็เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี พูดดี ทำดี คิดดี เชื่อมั่น ก็ไม่ต้องไปแก้ชง
นั่นเป็นการตั้งข้อสังเกตของผู้เชี่ยวชาญวัฒนธรรมจีน แต่สำหรับผู้คลุกคลีกับศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย คฑา ชินบัญชร กูรูคนดังด้านฮวงจุ้ยว่า เรื่องการแก้ชงเป็นคติความเชื่อเก่าแก่ของจีน สืบทอดมานานกว่าพันปี รากฐานที่ยาวนานสะท้อนให้เห็นว่า ถ้าไม่ดีจริงคงอยู่ไม่ได้นานขนาดนี้ โดยคนจีนถือที่สุดคือการกตัญญู การบูชาต่อผู้มีพระคุณ ได้แก่ พ่อแม่บรรพบุรุษ ท้องฟ้า แสงสว่าง พื้นดิน โลกและดวงอาทิตย์ ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีพืชผล ไม่มีข้าวปลาธัญญาหารให้กิน วันแรกของฤดูใบไม้ผลิหรือวันขึ้นปีใหม่ จึงทำพิธีบูชาระลึกคุณ
เรื่องการไหว้เจ้าขอพรในวันขึ้นปีใหม่ของจีน เป็นไปตามหลักการธาตุทางธรรมชาติ 5 ธาตุ คือ ดิน น้ำ ไม้ ไฟ ทอง ซึ่งหมุนเวียนไปในแต่ละปี สืบเนื่องไปถึงเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะประจำปีที่เป็นตัวแทนธาตุหลักของปีนั้นๆ 1 รอบมี 60 ปี หรือ 60 องค์ ทำให้ในแต่ละปีเกิดการพิฆาตกันระหว่างธาตุ หรือส่งเสริมกันระหว่าง 5 ธาตุดังกล่าว และเป็นต้นเหตุของปีปะทะชน หรือชง (ปีที่ไม่ดี) กับปีฮะ (ปีที่ดี) นั่นเอง
“เมื่อเกิดปีชงกับเจ้า หรือปะทะชนกับเจ้า จึงเป็นที่มาของการแก้ชง โดยไปขอพรจากไท้ส่วยเอี๊ยะ ในเมื่อท่านไม่ชอบเรา เราก็สู้อุตส่าห์มาไหว้ซูฮกท่านแล้ว ก็เรียกว่ามาขอเมตตาท่าน คนจีนเวลาไปไหว้แก้ชง เขาก็แห่กันไปไหว้นะ อย่างวัดหวังต้าเซียน และวัดแชกง ในฮ่องกง จริงๆ เขาก็ไหว้แก้ชงกันทั้งโลกที่มีคนจีนอาศัยอยู่”
การไหว้พระขอพรหรือการแก้ชง ไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่เป็นเรื่องเตือนสติคนไหว้ เพราะต้องไปไหว้ที่วัด ก็ต้องไหว้ทั้งเจ้าทั้งพระ ทำให้ได้ระลึกคุณพระพุทธองค์ ได้ระลึกถึงพระธรรมคำสอนของท่าน ไปที่วัดต้องเจอพระเจอนักบวช ก็ได้ไหว้พระ ได้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ถือเป็นสิริมงคลตั้งแต่ต้นปี ทำให้มีจิตที่ตื่นรู้เบิกบาน แม้มีปีปะทะชง ก็มีสติตั้งรับ มีสติรู้ระวังตัว
“ปีไหนปีชง ก็เข้าวัดเพื่อเตือนสติตัวเอง เรื่องแก้ชงนี้คนจีนไม่ได้ทำด้วยความเป็นกระแส แต่ทำด้วยความเชื่อถือในหลักธรรมชาติ คนเรามีเกิดมีดับมีดีมีเลวเป็นไป แต่เรื่องของจิตต้องตื่นรู้ ใช้โอกาสในปีชง ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท”
คฑาบอกว่า เมื่อเรื่องแก้ชงนี้มาอยู่กับคนไทย ก็น่ากลัวเหมือนกัน อยากเตือนให้ทำด้วยสติ การสักการะโดยไม่งมงายเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะการแก้ชงนั้น แท้จริงแล้วก็คือการเรียกสติสัมปชัญญะ ตั้งตนอยู่ในความรู้ตัวทั่วพร้อม การแก้ชงก็ควรเป็นไปด้วยหลักการคิดเดียวกัน
“การที่ทางวัดจำหน่ายของแก้ชง หรือหมอดูขายของแก้ชง อันนี้ก็แล้วแต่ความสามารถของผู้ซื้อ ถ้าแพงเกินไป ก็อย่าซื้อ แค่นี้ก็จบ เรื่องแก้ชงในเมืองไทยกลายเป็นกระแสอย่างขาดสติ ก็เพราะคนขาดสติยั้งคิดในการไหว้ คือคนที่ตกเป็นเหยื่อ ไม่ได้แต่คือเสีย จริงๆ แล้วแค่ยกมือไหว้องค์ไท้ส่วยเอี๊ยะ เพียงเท่านี้ก็เป็นมงคลแก่ตัว คุ้มตัวได้ตลอดปีเช่นกัน”
คฑาสรุปในตอนท้ายให้ขบคิดว่า เรื่องไหว้เจ้าแก้ชงที่เป็นกระแสก็เป็นกระแสจริงๆ แต่ที่เขาไหว้กันอย่างมีความรู้มีสติมีหลักการก็มีจริงๆ ก็ต้องถามคนไทยว่าจะไหว้อย่างไหน เรื่องกระแสแก้ชงเกิดขึ้นในไทยเมื่อสัก 10 ปีที่ผ่านมานี้เอง เริ่มเมื่อในสังคมของเรามีหมอดูที่ค้าขายของ มีซินแสที่คิดเรื่องธุรกิจ คนบางคนหัวหมอ ก็นำเรื่องความเชื่อมาหาเงินทอง ประกอบกับโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้เรื่องพวกนี้ไปเร็ว ขยายเร็ว
ความคิดเห็นที่ 3
เรื่องของคนโง่งมงาย ทุกชีวิตมีดีมีร้าย มีขึ้นมีลง ไม่เกิ่ยวกับชงบ้าชงบออะไร
ความคิดเห็นที่ 6
โหราศาสตร์ เป็นเรื่องจริงที่สากลหลายๆชาติให้ศึกษาและดำเนินตาม แต่มันก็มีรายละเอียดยิบย่อยและแตกแขนงกันไป
ปีชง จะเป็นเรื่องงมงายหรือจริงจังแค่ไหน ก็ขึ้นกับคนเชื่อครับ ส่วนตัวผมก็คือ "เฉยๆ" ไม่ได้ตัดสินว่ามีหรือไม่มีจริง งงไหม เรียกว่าไม่ใส่ใจก็ยังได้นั่นหละ
ความคิดเห็นที่ 8
ส่วนตัวไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ เชื่อว่าสิ่งมีชีวิต พืช สัตว์ มนุษย์ เกิดมาแค่เป็นส่วนนึงในโลก และ โลกก็ส่วนนึงในดาราจักร และ จักรวาล
เลยต้องไม่มีความสัมพันธ์กัน ออกนอกโลกไปก็ไม่มีทิศทาง ไม่มีเวลาอายุ เวลากับทิศทาง คือ สิ่งที่สมมุติแค่ในโลกเพื่อให้มนุษย์สื่อสารกันเข้าใจ
ความงมงายเป็นเรื่องของมนุษย์ ใช้อ้างหาผลประโยชน์(ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม) กับมนุษย์ด้วยกัน หากไม่มีผลประโยชน์ก็จะไม่เกิดความงมงาย
ความคิดเห็นที่ 9
มนุษย์ก็ชอบสร้างอะไรแบบนั้น หาที่พึ่งทางใจ
แรกๆ ก็เคยคิดว่าใครจะเชื่อก็เชื่อไป ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
แต่หลังๆ พออยู่เป็นกลาง ก็เหมือนสนับสนุนพวกหากินกับคนมีทุกข์มากกว่า
ความคิดเห็นที่ 11
ส่วนตัวไม่เชื่อเรื่องนี้ค่ะ พวกธุรกิจปีชง รับแก้ชง ไม่เคยได้เงินเราเลย อยู่มา 40 ปี ชีวิตก็ปกติดี เพราะใช้ชีวิตแบบไม่ประมาทค่ะ ไม่ไปในสถานที่อโคจร ไม่สร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น
ความคิดเห็นที่ 12
ถ้าจริง เราเป็นมหาอำนาจโลกไปแล้วครับ
ฝรั่งมังค่า ไม่รู้จักอะไรแบบนี้หรอกครับ
ความคิดเห็นที่ 13
มันคือตัวเลขทางสถิติ หลายร้อยหลายพันปี
ศาสตร์จีนเขาเอามาทำเป็นตำรา
ชง มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ได้แปลว่าซวย คนเข้าใจผิดกันเยอะ
วงจรเศรษฐกิจยังเป็นทุก 7-10 ปีเลย ชีวิตคนก็ไม่ต่างกัน
ความคิดเห็นที่ 17
บ่งบอกว่า สังคมป่วย จิตใจคนอ่อนแอ ต้องการหาที่ยึดเหนี่ยว สมัยก่อนถ้าลัทธิบูชาเทพเจ้า บูชาผี เจริญรุ่งเรือง ก็แสดงว่าบ้านนั้น เมืองนั้นใกล้ล่มสลายแล้ว
ความคิดเห็นที่ 18
งมงาย
ความคิดเห็นที่ 20
ตอนเรื่องปีชงออกมาใหม่ๆ แต่ละปีก็จะมีปีเกิดที่เป็นปีชงตรงๆแค่ปีเดียว
พอคนเริ่มเชื่อมาก ก็เริ่มซอยถึ่เป็นปีเกิดที่ชงมากชงน้อย ชงหมู่ กวาดกันหลายๆปีนักกษัตรในปีเดียว
กลายเป็นปีชงแทบทุกปี
ไม่ต่างกับหมอดูค่ายหนังสือพิมพ์ค่ายสีเขียวคนนึง
ทายว่า ทุกปีเป็นปีร้ายของบ้านเมือง ไฟไหม้ แผ่นดินไหว น้ำท่วม คนดังตาย
คำทำนาย copy เหมือนเดิมมาหลายสิบปีแล้ว
ความคิดเห็นที่ 24
ชงมันเกือบทุกปีนักษัตร มีแค่ไม่กี่ปีที่ไม่ชง แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ การตลาดเกิน
ความคิดเห็นที่ 27
ไม่เชื่อค่ะ ชงมันเกือบทุกปีเลย 25% บ้าง 50% บ้าน 75% บ้าง 100% บ้าง 55555 เป็นเรื่องการค้าชัดๆ
ความคิดเห็นที่ 29
ผมคนนึงไม่เคยเชื่อ ปีนักษัตรนึงคนกี่ล้าน ในล้านคนมันต้องมีดีบ้างมีไม่ดีบ้าง ถ้ามันแม่นจริง ในปีนักษัตรนั้นต้องเหมือนกันหมดทุกคนสิ
ความคิดเห็นที่ 30
เรื่องของความเชื่อ คนเชื่อก็เชื่อ คนไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ ผมอยู่ในส่วนของไม่ค่อยเชื่อ
ความคิดเห็นที่ 32
เราเชื่อ เรื่องลัคนา ราศี
แต่เรื่องปีชงนี่เราไม่เชื่ออ่ะ😅
ความคิดเห็นที่ 35
คือมันลวงโลกมานานนนนนน มากกกกก แล้วค่ะ
ทำไมเพิ่งรู้ตัวกัน?
ความคิดเห็นที่ 45
เชื่อมาตลอดตั้งแต่ได้ยินคำว่าปีชงครั้งแรก
เชื่อว่ามันมีเพื่อแก้ชง เพื่อหารายได้ล้วนๆเลย
มีแก้ชงแบบไม่เสียเงินไหม แบบนั่งสมาธิเฉยๆ ก็แก้ชงได้อ่ะ
ความคิดเห็นที่ 49
เคยเชื่อ และต้องไปแก้ชงถึง พุทธสถานที่นึง ตามที่หมอลักษณ์แนะนำไป
แต่พอไปแล้ว การไหว้ แต่ละ จุด ต้องเสียเงินเพิ่มขึ้น จากชุดของไหว้อีก เพื่อให้ครบพิธี
ไปๆ มาๆ หมดไป พันกว่าบาท เลย
และมองเป้นเชิงพาณิชย์ มากไป
รู้สึกว่า ถ้าจะให้ สบายใจ เอาเงิน ไปทำบุญถวายโรงศพ ดีกว่า
( รวมทั้งหมอ ด้วย ที่เน้นขายสีผึ้ง ทาปาก )
ความคิดเห็นที่ 52
การตลาด
การเงิน
ของมันขายได้
เพราะ มีคนซื้อ
จะให้ คน ซื้อ คือ ต้องทำให้เชื่อก่อน
มันก็วนไปหา การตลาด ที่ ทำให้เชื่อ ถือ ก่อน เป็นอันดับแรก
พระ ที่ผม นับถือ สอนแต่ การถือ ศีลห้า กับ รู้จักตอบแทน ผู้ มี พระคุณ กับเรา ตามสมควร
พอแล้ว ครับ
ไม่ต้องดิ้นรนให้มากความ เหนื่อยปล่าวครับ
ความคิดเห็นที่ 53
สมัยก่อนอยู่มา 30 ปี ไม่รู้จักปีชงเลย
พอรู้จักคนเชื่อเรื่องปีชงเท่านั้นแหละ
พอเราโชคไม่ดีหรือซวยเรื่องอะไร ก็จะกรอกหูว่าเนี่ยเพราะปีชงแหละซ้ำๆ ๆ ๆ
ต้องใส่สีนี้ๆ แก้เคล็ด ต้องเลิกกินเนื้อสัตว์ บลาๆๆ ( จริงๆ ไม่ใช่คนนี้คนเดียวนะ ญาติเราก็มีเชื่อแบบนี้ แต่พื้นเพครอบครัวเราไม่ใช่คนจีน ไม่ได้เชื่อเรื่องนี้เลย แต่ญาติคนนี้เขาเป็นคนที่เชื่อทุกอย่างตามกระแสไปซะหมด เชื่อจัด พาเราไปไหว้ ไปทำนั่นนู่นนี่ ) จนเราเกือบจะเชื่อไปอยู่แล้ว
พอผ่านข้ามปีมา ก็ยังมีบางครั้งที่ซวยอยู่ เลยถามนางว่า ปีนี้ยังจะชงอีกเหรอ
นางหยุดคิดไปพักนึงแล้วบอกว่า เออ น่าจะชงข้างเคียงมั้ง ต้องไปแก้อีก
เราแอบคิดในใจ มีงี้อีก มันใช่เหรอวะ
ผ่านไป 12 ปี ปีชงวนย้อนกลับมาอีกรอบ
แต่ระหว่าง 12 ปีนั้น เราก็มีเรื่องดี เรื่องซวยผลัดเปลี่ยนเวียนมาเรื่อยๆ นี่ จนเริ่มคิดได้
ตั้งแต่นั้น จะปีชงยังไง ใครจะไหว้อะไรยังไงแล้วแต่เลย เราไม่สนใจดู ไม่สนใจฟังอีกเลย อยากไหว้อะไร ทำอะไร แล้วแต่ตัวเราเอง
เราคิดว่า คนเราควรได้รับการถูกสอนตั้งแต่เล็กๆ ว่า คนเรามีโชคดี-มีโชคร้าย, มีทุกข์-มีสุข, มีสมหวัง-มีผิดหวัง ปะปนระคนกันไป เป็นธรรมดามนุษย์
ไม่มีใครที่โชคดีอย่างเดียวไปตลอดชีวิต และก็คงไม่มีใครโชคร้ายตลอดไปทุกเรื่อง เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป
หากผิดพลาดอะไรตรงไหนก็ควรใช้ความเป็นเหตุเป็นผลมาแก้ไข แล้วมันจะกลายเป็นประสบการณ์ให้เราไม่พลาดอีก
ถ้าเราไม่พิจารณาความเป็นเหตุเป็นผลใดๆ อะไรเลย เอาแต่ไหว้ปะลกๆ เทพเจ้าอะไรก็อาจไม่ช่วยเลย
ความคิดเห็นที่ 60
ไม่เคยสนใจเรื่องปีชง
อาจจะเพราะผมศึกษาทางพุทธมาเยอะ
แล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่พอถึงปีนี้ คนเกิดปีนี้จะแย่มันทุกคน
ผมเคยพิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นมาแล้วว่าปีชงทำอะไรไม่ได้
หลายปีก่อน เขาบอกกันว่าปีเกิดของผม ชง 100%
ทั้งเจ้านายและลูกน้อง ชวนผมไปแก้ชงสารพัด แต่ผมไม่ไปสักที่
และปีนั้นผลงานผมก็ดีมากๆ การงานราบรื่น ชีวิตดีมีสุข
จนคนรอบข้างมองว่าเป็นเรื่องแปลก แต่ผมจะบอกว่าไม่แปลก
ความคิดเห็นที่ 65
เขาจะขายของมันก็คือธุรกิจประเภทหนึ่งเหมาะสำหรับคนเชื่อจะเรียกว่างมงายก็ประมาณนึง
ความคิดเห็นที่ 68
แค่เห็นวิธีทางแก้ชง ก็รู้แล้วว่าไร้สาระ
ความคิดเห็นที่ 72
เป็นความเชื่อส่วนบุคคล คนที่เชื่อจำนวนมากๆ ทำให้เกิดเป็นธุรกิจ เป็นช่องทางให้คนเอาไปหากิน
เช่น เส้นทางท่องเที่ยว ทำเครื่องรางสำหรับสายมู
ส่วนตัวไม่เคยเชื่อค่ะ
ความคิดเห็นที่ 74
ผมไม่เคยเห็น ปธน สหรัฐ ไปแก้ปีชงสักคน
ก็เห็นแต่ละคนก็ยิ่งใหญ่คับฟ้า
ความคิดเห็นที่ 76
มันคือการตลาดของหมอดู อย่างฮวงจุ้ยก็มีเพิ่มยุคนั่นยุคนี่ คนที่เชื่อก็ต้องคอยเปลี่ยนเรื่อยๆ
จากเมื่อก่อนแก้ครั้งเดียวกลายเป็นต้องแก้หลายครั้งตามยุค เสียเงินเรื่อยๆซินแสก็รวยขึ้นเรื่อยๆ
ความคิดเห็นที่ 80
เรื่องปัญญาอ่อน หากิน กับความงมงาย หลังๆเพี้ยนไปไกลถึง ชง 25 % 555
ความคิดเห็นที่ 86
เรื่องลวงโลก เป็นการหาผลประโยชนฺ์ของหมอดูกับวัดศาลเจ้า
ความคิดเห็นที่ 87
ปีชง จริงไม่จริงไม่รู้
แต่พูดกันแบบนี้
เท่ากับไปขัดผลประโยชน์
กับพวกที่หากินกับสิ่งเหล่านี้แน่นอน
คนพูดคงต้องระมัดระวังตัวไว้บ้างค่ะ
ความคิดเห็นที่ 92
พวกที่เชื่อปีชง ก็คือพวกไม่อยากยอมรับความสูญเสียใดๆ ไม่เชื่อในความอนิจจัง (ตรงข้ามกับหลักพระธรรมชัดๆ ยังมีคนแถว่าเป็นกุศโลบายให้คนทำเข้าวัด ทำดีเฉย) ไม่คำนวณความเสี่ยง จะเอาดีลูกเดียว หารู้ไม่ เกิดเป็นคน กว่าชีวิตจะหาไม่ มันก็ต้องเจออุปสรรค ปัญหา ความทุกข์ ความสูญเสีย แค่ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท จากหนักก็จะเบา ไม่เห็นต้องไปจ่ายเงินให้หมอดู
ความคิดเห็นที่ 93
ถ้าคุณเชื่อมันจะเป็นเรื่องจริงครับ
แต่ผมไม่เชื่อนะ ปีนี้ชงหรือไม่ชงมันก็มีดีมีซวยพอๆ กัน ไม่เห็นต่างกันเท่าไร
ความคิดเห็นที่ 96
เอาตามตรงผมไปหลายประเทศมา เจอผู้คนมากมายประเทศไม่เคยเห็นเขาเหล่านั้นบูชาอะไรมากมายเท่าคนไทย ใครว่าอะไรว่าตามคนไทยส่วนมากนับถือพุทธศาสนาแต่ ไหว้สักการะเทพเจ้าศาสนาฮินดูมีมากมาย ไหว้เจ้าแม่ เจ้าพ่อต่างๆ แถมมีคำกำกับแบบห้ามแย้ง คือไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ประเทศอื่นๆไม่มีไม้มงคลครับ บ้านเรามีไม้มงคล ปลูกแล้วจะร่ำรวยมีมงคล ซึ่งมันคือการตลาดล้วนๆ แต่ไม่มีคนแย้ง ส่วนวัดไทยพุทธ น้อยวัดที่จะไม่เป็นพุทธพาณิชย์ เจ้าอาวาส นอนห้องแอร์ มีรถประจำตำแหน่ง ทั้งที่ศาสนาพุทธเอง ไม่ได้มีบทบรรญัติ และอาจมีคนแย้งต้องทันโลก
ครานี้มามี้รื่องฮวงจุ้ย ทำอย่างนี้ฮวงจุ้ยไม่ดี ทั้งที่คำๆนี้มาจากจีนคนไทยคว้ามาใช้เลยเอาทำตามเขา ครานี้มาเรื่องปีชงผมเพิ่งได้ยินไม่นานนี้เองเขาว่าปีชงเอาชงกันด้วยกันไม่มีใครแย้งเฮ... ทำตามพูดตาม
สำหรับผม นับถือ พุทธ ไม่มีเทวรูปศาสนาอื่นๆในบ้านครับ มีพระพุทธรูป บนหิ้งกราบไหว้บูชาตามพ่อแม่พาทำและไปวัดทำบุญวัดยากจน ผมจะไม่เข้าวัด ร่ำรวยเจอเจ้าอาวาสต้องนัดวันไม่ไปครับของถวายวัดจะสอบถามเจ้าอาวาสขาดเหลืออะไรผมจะถวาย ตามที่ท่านบอกมา เรื่องฤกษ์ยาม ไม่มีครับทำอะไรทำเลย ไม่เคยเอาพระมาเจิมรถ ไม่เคยดูฤกษ์ยามไปออกรถ รถมีหลายคันไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ และไม่เคยเอาพระไว้บนรถเกรงเวลาเลี้ยวพระกระเด็นกระดอนครับ
ถามว่าแล้วเชื่อไหม ฮวงจุ้ยปีชง ฤกษ์ ยาม หมอดู ไม่เชื่อครับชีวิตลิขิตเองครับ
ความคิดเห็นที่ 98
ตั้งแต่เกิดมา...ไม่เคยแก้ชงอะไรเลย มีดีมีร้ายสับเปลื่ยนกันมาตลอด มันคือชีวิตที่มีขึ้นๆลงๆ ตามกรรมที่สร้างมา จะทำก็แค่...ทำทาน ใส่บาตร
ยิ่งมารู้ว่าสมัยนี้มีชง 50% 40% 30% 20% มีชงร่วมโผล่ออกมาอีกต่างหาก ถึงกับอะไรว้าเลย
ลิ้งค์www.gpsteawthai.com/index.php/topic,7730www.gpsteawthai.com/index.php/topic,7731