(ถ่ายจากกล้องมือถือ Lenovo P90 21ธันวาคม 2560 อยู่ในเส้นทางที่เดินทางกลับจากทำงานที่ อ.ฝาง มุ่งหน้ากรุงเทพ เราไม่ใช้เส้นทางหลักเพื่อลดความเครียดสายตา จึงใช้เส้นทางชมธรรมชาติชิลๆ)วัดแสงแก้วโพธิญาณ 191 หมู่ 11 บ้านใหม่แสงแก้ว ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
โทร. 085-614-3764,053-602-667
แฟ็กซ์. 053-602-668
อีเมล์ : watsangkaew@hotmail.comเว็บไซต์ : www.watsangkaew.comเฟซบุ๊ค : www.facebook.com/sangkaewphothiyanพิกัด gps 19.602908, 99.525137
เปลี่ยนวัดร้างเป็นวัดรุ่ง
พระธาตุดงสีมา องค์เดิมก่อนบูรณะ
ประมาณปี พ.ศ.2545 หลังจากครูบาอริยชาติจำพรรษาอยู่ที่จังหวัดลำพูนได้ 2 ปีกว่าๆ การศึกษาทั้งปริยัติและปฏิบัติรุดหน้าไปมาก ทั้งศาสตร์ด้านคาถาอาคมซึ่งร่ำเรียนจากครูบาอาจารย์ในยุคโบราณก็มีความเข้มขลังแตกฉานยิ่งขึ้น ทำให้เป็นที่เคารพศรัทธาของญาติโยมอย่างสูงทั้งในแถบจังหวัดลำพูนและครอบคลุมไปทั่วภาคเหนือ
จนกระทั่งในปีนั้นเอง คณะศรัทธาชาวบ้านซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่วัดพระธาตุดงสีมา ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ได้มากราบอาราธนานิมนต์ครูบาอริยชาติให้ไปช่วยบูรณะวัดพระธาตุดงสีมา ซึ่งอยู่ในสภาพวัดร้าง ไม่มีพระจำพรรษามาเนิ่นนาน เมื่อครูบาอริยชาติพิจารณาเห็นว่าเป็นเหตุผลอันสมควร ท่านจึงรับนิมนต์จากญาติโยมและเข้ามาจำพรรษาที่วัดพระธาตุดงสีมาเพื่อสนองศรัทธาญาติโยมนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ในระหว่างที่จำพรรษาอยู่ที่วัดพระธาตุดงสีมา ครูบาอริยชาติได้ดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์วัดร้างแห่งนี้อย่างเต็มกำลัง ทั้งก่อสร้างศาสนสถานและถาวรวัตถุต่างๆ เพื่อให้ญาติโยมได้สักการบูชา นับตั้งแต่บูรณะองค์พระธาตุซึ่งเก่าแก่และทรุดโทรมอย่างมาก ในขณะเดียวกันพระอุโบสถและวิหารของวัดก็ยังอยู่ในช่วงวางรากฐานการก่อสร้าง ซึ่งล้วนแต่ต้องใช้ปัจจัยจำนวนมาก ถึงอย่างนั้น ด้วยเจตนาที่จะสงเคราะห์บรรดาญาติโยมทุกผู้ทุกคนด้วยจิตเมตตาของครูบาอริยชาติ ก็เป็นที่ประจักษ์แก่บรรดาสาธุชนโดยทั่วกัน จนทำให้มีผู้คนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลมากราบนมัสการครูบาหนุ่มแห่งวัดพระธาตุดงสีมาอย่างเนืองแน่นไม่เว้นแต่ละวัน และต่างมีความปรารถนาที่จะสร้างกุศลร่วมกับครูบาอริยชาติด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้า ทำให้งานด้านการบูรณะปฏิสังขรณ์ศาสนสถานต่างๆ ในวัดพระธาตุดงสีมาสำเร็จลงได้ในที่สุด
นอกจากนี้ ครูบาอริยชาติยังได้จัดหาทุนการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนในท้องถิ่น อีกทั้งท่านยังได้สงเคราะห์แจกจ่ายผ้าห่มและเครื่องกันหนาวแก่ชาวเขา ตลอดจนนำสิ่งของต่างๆ ไปช่วยเหลือในการก่อสร้างพระวิหารที่วัดป่าม่วง ต.ท่าก๊อ อ. แม่สรวย จ.เชียงราย เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาแก่ชนชาวเขาในแถบนั้นอีกด้วย
ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต
เจ้าต๋นบุญแห่งวัดพระธาตุดงสีมา กับพระบรมสารีริกธาตุ
ที่มาของชื่อ...วัดแสงแก้วโพธิญาณ
ภาพวาดวัดแสงแก้วโพธิญาณ
จากนิมิตนี้เอง จึงเป็นที่มาของชื่อ วัดแสงแก้วโพธิญาณ โดย แสงแก้ว มาจากแสงอันสว่างไสวราวกับดวงแก้วที่เปล่งประกายออกจากดอกบัว และสัญลักษณ์ดอกบัวที่พบในนิมิตก็อุปมาได้ดังพระโพธิญาณ อันเป็นความรู้แจ้งสูงสุด หรือ ความรู้ในการตรัสรู้หลังจากได้พื้นที่ในการก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อย ครูบาอริยชาติพร้อมคณะศรัทธาก็เริ่มปรับพื้นที่ และจัดการด้านระบบสาธารณูปโภคสำหรับเตรียมก่อสร้างทันที ในขณะที่ศิษยานุศิษย์ซึ่งเคารพศรัทธาในบารมีของครูบาอริยชาติ ตลอดจนเหล่าพุทธศาสนิกชนในวงกว้าง เมื่อได้ทราบข่าวต่างแสดงความจำนงขอร่วมบริจาคปัจจัยเพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างวัดแห่งใหม่นี้เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม แม้การดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวางศิลาฤกษ์จะเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่นจนใกล้จะถึงกำหนดวันที่จะวางศิลาฤกษ์เข้าไปทุกที คณะศรัทธาก็ยังไม่อาจได้ข้อสรุปเรื่องชื่อวัดแต่อย่างใด แม้จะมีผู้เสนอชื่อมาให้เลือกหลายต่อหลายชื่อก็ตาม สร้างความหนักใจให้กับครูบาและคณะอยู่ไม่น้อย
ในช่วงนั้น ครูบาอริยชาติซึ่งแม้จะต้องตระเตรียมความพร้อมเรื่องพิธีวางศิลาฤกษ์ด้วยตนเอง แต่ก็ยังต้องเจียดเวลามาต้อนรับคณะญาติโยมที่เดินทางมากราบนมัสการโดยไม่ขาดสายด้วย จนกระทั่งในคืนก่อนวันที่จะวางศิลาฤกษ์เพียง ๒ วัน ขณะที่ครูบากำลังจำวัดอยู่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลียอย่างยิ่งนั้นเอง ค่อนรุ่งคืนนั้นท่านก็เกิดนิมิตขึ้นอีกครั้ง...
ในนิมิตนั้น...ครูบาพบว่าบนท้องฟ้าวันนั้นมืดครึ้มไปทั่วทุกทิศ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักและมืดมิดจนมองอะไรไม่เห็นเลย ในขณะที่ครูบากำลังหลงทางและเดินวนเวียนอยู่บนเขา ท่านก็มองเห็นสำแสงหนึ่งสาดเข้ามา ปรากฏว่าเป็นแสงไฟฉายจากคนรู้จักกำลังเดินขึ้นเขามา พร้อมกับบอกท่านว่า ขณะนี้ฝนตกหนักจนน้ำท่วมหมู่บ้านที่อยู่เชิงเขาหมดสิ้น ชาวบ้านกำลังหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนยอดดอยกันแล้ว ว่าแล้วก็นิมนต์ครูบาให้ไปด้วยกัน
ด้วยความเป็นห่วงชาวบ้าน ครูบาอริยชาติจึงบอกกับชาวบ้านผู้นั้นว่า จะขอลงไปดูข้างล่างก่อน แต่เมื่อเดินลงเขาได้ไม่นานก็พบกับชาวบ้านกลุ่มใหญ่ประมาณ 50-60 คน กำลังเดินตากฝนขึ้นมายังภูเขาเช่นเดียวกัน พร้อมกับบอกว่าบริเวณพื้นด้านล่างน้ำท่วมหนักมากแล้ว และขอร้องให้ท่านขึ้นไปบนยอดเขาด้วยกัน
หลังจากใคร่ครวญดูเห็นว่าไม่อาจทำอะไรได้แล้ว ในที่สุดครูบาอริยชาติก็เดินฝ่าสายฝนตามชาวบ้านกลุ่มนั้นไป แต่ในขณะที่เดินขึ้นเขาไปนั้น จู่ๆ พื้นดินบริเวณใกล้ๆ กันนั้นก็เกิดยุบตัวเป็นบริเวณกว้างและลึกเกือบเมตร ทำให้กระแสน้ำที่ไหลลงจากภูเขาเนื่องจากฝนตกหนักไหลวนลงไปยังหลุมที่ดินยุบตัวนั้น
ในนิมิตนั้น ครูบามองเห็นวัตถุอย่างหนึ่งซึ่งเปล่งแสงเรืองรองอยู่ในหลุมและกำลังดิ้น เมื่อครูบาใช้ไม้เขี่ยขึ้นมาแล้วหยิบมาวางบนฝ่ามือ ก็เห็นว่าวัตถุนั้นมีรูปลักษณ์คล้ายกับดอกบัวเผื่อน จากนั้นครูบาก็โยนวัตถุดังกล่าวทิ้งไปแล้วเดินทางต่อ แต่เดินไปได้สักพัก หนทางข้างหน้าก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่ภูเขาที่มีแต่ป่าไม้หรือป่าไผ่เหมือนที่ควรจะเป็น...
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทุกคนคือ...ภูเขาที่เต็มไปด้วยดอกบัวสีขาวบานสะพรั่งอยู่ทั่วบริเวณ !
นิมิตอันประหลาดนี้ปรากฏอยู่จนรุ่งสาง และเมื่อครูบาอริยชาตินำมาเล่าให้กับคณะของพ่อหลวงยาและชาวบ้านฟัง ทุกคนต่างมีความเห็นตรงกันว่า...นี่คงเป็นนิมิตที่เทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาบอกเหตุเป็นแน่แท้
จากนิมิตนี้เอง จึงเป็นที่มาของชื่อ “วัดแสงแก้วโพธิญาณ” โดย “แสงแก้ว” มาจากแสงอันสว่างไสวราวกับดวงแก้วที่เปล่งประกายออกมาจากดอกบัว และสัญลักษณ์ “ดอกบัว” ที่พบในนิมิตก็อุปมาได้กับ “พระโพธิญาณ” อันเป็นความรู้แจ้งสูงสุด หรือ “ความรู้ในการตรัสรู้” นั่นเอง
(โพธิญาณ มาจากคำว่า โพธิ แปลว่า ตรัสรู้ และคำว่า ญาณ แปลว่า หยั่งรู้ คำว่า “โพธิญาณ” จึงแปลให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า “ความรู้ในการตรัสรู้” ซึ่งก็คือ “ตรัสรู้ความรู้ในสัจจธรรม”)
ส่วนในขั้นตอนการดำเนินการขออนุญาตตั้งวัดนั้น หลังจากได้เสนอเรื่องไปยังกรมการศาสนา (สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ) สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ประทานนามใหม่เป็น “วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ” อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านยังคงนิยมเรียกสั้นๆ ว่า “วัดแสงแก้วโพธิญาณ”
นับจากนั้น ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต จึงย้ายจากวัดพระธาตุดงสีมา มาเป็นเจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ และจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งใหม่นี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน