อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (Thung Salaeng Luang)
พิกัดGPS อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง N16.84273 E100.88016
ทุ่งสะวันนาแห่งพื้นป่าไทย
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอวังทอง อำเภอนครไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอเขาค้อ อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ มีสภาพธรรมชาติ ทิวทัศน์ และลักษณะทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแหล่ง เช่น ถ้ำ น้ำตก ทุ่งหญ้าโล่งใหญ่ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด มีเนื้อที่ประมาณ 789,000.00 ไร่ หรือ 1,262.40 ตารางกิโลเมตร สำหรับชื่อของอุทยานแห่งชาติเป็นชื่อของทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ทางด้านทิศใต้ของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งสันนิษฐานว่าตั้งขึ้นโดยอาศัยชื่อพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งในทุ่งหญ้าแห่งนี้ คือ ต้นแสลงใจ เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ผลสุกสีแสด เมล็ดให้สารสตริคนิน ซึ่งเป็นสารเบื่อเมา คาดว่าในสมัยก่อนมีต้นแสลงใจขนาดใหญ่ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับสภาพภูมิประเทศเป็นเนินสูงๆ ต่ำๆ มีป่าหลายชนิด และสัตว์ป่าชุกชุม จึงตั้งชื่อว่า “ทุ่งแสลงหลวง” ให้สมกับเป็นพื้นที่ที่รวบรวมความหลากหลายของธรรมชาติไว้
ความเป็นมา: มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2502 ให้กำหนดป่าทุ่งแสลงหลวง จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดเพชรบูรณ์ และป่าอื่นๆ ในท้องที่จังหวัดต่างๆ รวม 14 ป่า เป็นอุทยานแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2503 กรมป่าไม้จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ไปทำการสำรวจและหมายแนวเขตป่าทุ่งแสลงหลวง เพื่อกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติ และได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งได้มีมติเห็นชอบให้กำหนดป่าทุ่งแสลงหลวง เนื้อที่ประมาณ 801,000 ไร่ เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าทุ่งแสลงหลวงในท้องที่ตำบลวังนกนางแอ่น ตำบลชมภู ตำบลบ้านมุง อำเภอวังทอง ตำบลหนองกระท้าว อำเภอนครไทย จังหวัดจังหวัดพิษณุโลก และตำบลท่าผล อำเภอเมือง ตำบลน้ำชุน อำเภอหล่มสัก ตำบลวังโปร่ง อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 80 ตอนที่ 11 ลงวันที่ 29 มกราคม 2506 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 3 ของประเทศ
ต่อมากองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ได้มีหนังสือที่ กห 0334/137 ลงวันที่ 7 มกราคม 2514 ขอใช้พื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงที่หมู่บ้านเข็กน้อย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เพื่อจัดตั้งกองร้อยชาวเขาอาสาสมัคร กรมป่าไม้ จึงได้นำเสนออนุกรรมการอุทยานแห่งชาติในคราวประชุมครั้งที่ 1/2514 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2514 มีมติเห็นควรให้ทำการเพิกถอนพื้นที่ดังกล่าวให้ทางราชการทหาร โดยออกประกาศพระราชกฤษฎีกาให้เป็นพื้นที่หวงห้ามทางราชการทหารต่อไป เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน โดยได้มีประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 357 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 เพิกถอนเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงบางส่วน และกำหนดเขตอุทยานแห่งชาติขึ้นใหม่ รวมเนื้อที่ประมาณ 789,000 ไร่ เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 89 ตอนที่ 190 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515
ต่อมาอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงได้มีหนังสือที่ 49/2517 ลงวันที่ 17 เมษายน 2517 รายงานว่าตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 357 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 กำหนดให้บริเวณที่ดินป่าทุ่งแสลงหลวงเป็นอุทยานแห่งชาติ จากการตรวจสอบของอุทยานแห่งชาติ ปรากฏว่า การประกาศมิได้ระบุบางตำบลที่เป็นเขตอุทยานแห่งชาติไว้ด้วย กรมป่าไม้จึงได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติในคราวประชุมครั้งที่ 5/2517 เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2517 มีมติให้ขยายบริเวณที่ดินส่วนที่มิได้ระบุในประกาศคณะปฏิวัติให้ถูกต้อง โดยมีพระราชกฤษฎีกาให้ยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติและกำหนดบริเวณที่ดินทุ่งแสลงหลวงในท้องที่ตำบลวังนกนางแอ่น ตำบลชมภู อำเภอหล่มสัก ตำบลท่าพล อำเภอเมือง ตำบลวังโปร่ง อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 92 ตอนที่ 101 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2518 รวมพื้นที่ 789,000 ไร่
ขนาดพื้นที่789000.00 ไร่
หน่วยงานในพื้นที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.1 (สะพานสลิง)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.2 (น้ำตกแก่งโสภา)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล. 3 (น้ำพรม)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.4 (ลำกระโดน)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.5 (วังแดง)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.6 (บ้านมุง)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.7 (คลองตะเคียน)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.8 (หนองแม่นา)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.10 (ยางโทน)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.11 (เพชรดำ)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล. 12 (รักไทย)
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
ลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่อุทยานแห่งชาติตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นเทือกเขาที่วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ และเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดเพชรบูรณ์ ความสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ยอดสูงสุดคือ บริเวณเขาแค สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,028 เมตร เนื่องจากภูเขาบริเวณนี้เป็นภูเขาหินทราย ลักษณะของภูเขาจะเป็นภูเขายอดตัดหรือมีที่ราบบริเวณยอดเขา แต่บริเวณร่องเขาจะลึก และมีความลาดชันสูง เนื่องจากหินทรายเป็นหินที่ง่ายต่อการถูกกัดเซาะ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลำน้ำที่สำคัญหลายสาย เช่น ห้วยเข็กใหญ่ ห้วยเข็กน้อย ลำน้ำทุ่ม คลองชมภู คลองน้ำปอย คลองวังทอง และห้วยกอก เป็นต้น
ลักษณะภูมิอากาศในระหว่างเดือนมีนาคม-มิถุนายน เป็นช่วงที่อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 29 องศาเซลเซียส ฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคม - ตุลาคม มีปริมาณน้ำฝนอยู่ในช่วง 1,300-1,700 มิลลิเมตรต่อปี โดยมีปริมาณมากที่สุดในเดือนกันยายน และในฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ โดยทั่วไปอากาศจะหนาวเย็นมากเหมาะแก่การไปท่องเที่ยว
พืชพันธุ์และสัตว์ป่าสภาพป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงประกอบด้วย
1. ป่าดิบเขา พบขึ้นอยู่ในที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตรขึ้นไปชนิดไม้สำคัญที่พบเป็นไม้เด่นได้แก่ หว้าหิน ก่อหิน ก่อเดือย ก่อตาหมู หว้าดง ทะโล้ ตำแยต้น กระดูกไก่ สนสองใบ ฯลฯ พืชพื้นล่างเป็นพวกมอส เฟิน เถาวัลย์ หวาย และว่านชนิดต่างๆ
2. ป่าดิบชื้น พบในระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 800 เมตรขึ้นไป และตามร่องน้ำ หรือที่ลาดเขาที่มีความชุ่มชื้นสูง ชนิดไม้สำคัญที่พบได้แก่ ก่อตลับ ตาเสือ มะไฟ ดำดง ชะมวง มะกอก ยมหอม ยางโดน กระเบากลัก จำปาป่า ตะเคียนหิน อบเชย พญาไม้ ฯลฯ พืชพื้นล่างและพืชอิงอาศัยได้แก่ ข้าหลวงหลังลาย ชายผ้าสีดา มะพร้าวนกคุ่ม ม้ากระทืบโรง หวาย เฟิน และพืชในตระกูลขิงข่า เป็นต้น
3. ป่าดิบแล้ง พบกระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ระดับความสูงจากน้ำทะเล 500 เมตรขึ้นไป ชนิดไม้สำคัญที่พบได้แก่ ยอป่า เต็งตานี มะหาด ยางโดน ยางนา แคทราย กระบาก มะกล่ำต้น ขี้อ้าย ก่อข้าว กฤษณา ฯลฯ
4. ป่าสนเขา ขึ้นอยู่ในที่สูง 700 - 900 เมตรจากระดับน้ำทะเล ลักษณะเป็นป่าโปร่งสลับทุ่งหญ้า มีสนสองใบ เหียง เหมือดแอ เหมือดคน ส้านใหญ่ ชะมวง ตับเต่าต้น ฯลฯ ขึ้นอยู่ พืชพื้นล่างเป็นหญ้าขน หญ้าคมบาง หญ้าคา พง บุก กระเจียว และเฟิน เป็นต้น
5. ป่าเบญจพรรณ พบขึ้นอยู่ในระดับความสูง 400-700 เมตรจากระดับน้ำทะเล พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ประดู่ แดง ตะแบกเปลือกบาง กระบาก ซ้อ ปอสำโรง เก็ดดำ ตีนนก แต้ว พลับพลา ชิงชัน พะยูง โมกมัน ฯลฯ พืชพื้นล่างเป็นพวกไผ่ชนิดต่างๆ กลอย กระทือ ว่านมหากาฬ โด่ไม่รู้ล้ม เป็นต้น
6. ป่าเต็งรัง พบขึ้นอยู่ในระดับความสูงประมาณ 400 เมตร ชนิดไม้สำคัญที่พบได้แก่ รัง เหียง กราด พลวง เต็ง มะม่วงป่า ตับเต่าต้น ส้านใหญ่ มะเกิ้ม งิ้วป่า มะขามป้อม ฯลฯ พืชพื้นล่างได้แก่ หญ้าเพ็ก หญ้าคา หญ้าขน บุก กวาวเครือ กระเจียว ไพล เป็นต้น
7. ทุ่งหญ้า เป็นพื้นที่โล่งกว้างใหญ่ ประกอบด้วยหญ้าชนิดต่างๆ มีไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ในสภาพแคระแกร็นประกอบด้วย เหมือดคน ส้านใหญ่ เหียง มะขามป้อม พืชพื้นล่างเป็นพวกหญ้าขน หญ้าคมบาง หญ้าคา พง กระเจียว กลอย บุก ก้ามกุ้ง ก้ามปู ว่านมหากาฬ ข่าป่า อบเชยเถา คราม และเป้ง เป็นต้น
สัตว์ป่าที่พบในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง แตกต่างกันตามสภาพพื้นที่ประกอบด้วยสัตว์นานาชนิด ได้แก่ ช้างป่า กระทิง ลิงกัง ค่างแว่นถิ่นเหนือ กวางป่า หมูป่า กระต่ายป่ากระแตธรรมดา กระรอกหลากสี กระเล็น หนูท้องขาว ค้างคาวขอบหูขาวกลาง นกเขาเปล้าธรรมดา นกแอ่นตาล นกตะขาบทุ่ง นกนางแอ่นบ้าน นกปรอดเหลืองหัวจุก นกจับแมลงหัวเทา เต่าหับ ตะพาบน้ำ ตะกวด ตุ๊กแกบ้าน กิ้งก่าบ้าน จิ้งเหลนหลากหลาย งูลายสอธรรมดา งูทางมะพร้าวธรรมดา งูเขียวหัวจิ้งจก อึ่งกรายลายเลอะ เขียดอ่อง กบหนอง ปาดแคระธรรมดา เป็นต้น ในบริเวณแหล่งน้ำพบปลาที่อาศัยอยู่หลายชนิด เช่น ปลาซิว ปลาพุง ปลาขาว ปลาเขียว ปลามุด ปลาติดหิน ปลารากกล้วย
สถานที่ท่องเที่ยวน้ำตกแก่งโสภาข้อมูลทั่วไป...
เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่เกิดจากลำห้วยเข็กใหญ่ไหลผ่านหน้าผาขนาดใหญ่ลดหลั่นกันประมาณ 3 ชั้น และไหลผ่านไปตามแก่งหินอีกหลายแก่ง ตั้งอยู่ระหว่างกิโลเมตรที่ 71-72 ของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ซึ่งจะมีทางแยกเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร
ทุ่งแสลงหลวงแก่งวังน้ำเย็นข้อมูลทั่วไป...
แก่งวังน้ำเย็นเป็นแก่งหินขนาดใหญ่กว้าง 40-50 เมตร ยาวหลายร้อยเมตร ประกอบด้วยแก่งหินขนาดใหญ่หลายแก่ง โดยในระหว่างแก่งแต่ละแก่งเป็นวังน้ำลึกขนาดใหญ่ อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.8 (หนองแม่นา) ไปตามทางที่จะไปทุ่งโนนสนประมาณ 7 กิโลเมตร แล้วมีทางแยกเข้าไปอีก 500 เมตร ระหว่างทางเป็นป่าเต็งรัง ป่าสนเขา และป่าเบญจพรรณ มีโอกาสพบนกมากมายหลายชนิด เช่น นกหัวขวานใหญ่สีเทา นกโกโรโกโส ฯลฯ บริเวณแก่งวังน้ำเย็นยังมีผีเสื้อให้ชม เช่น ผีเสื้อถุงทองป่าสูง ผีเสื้อหนอนคืบสไบแดง เป็นต้น
ถ้ำค้างคาวข้อมูลทั่วไป...
ถ้ำค้างคาวอยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.1 (สะพานสลิง) ไปทางทิศใต้ระยะทางทางบกประมาณ 5 กิโลเมตร ทางน้ำประมาณ 4 กิโลเมตร (ต้องใช้เรือ) ระหว่างเส้นทางจะพบนกและปลานานาชนิด ตลอดทางมีแก่งหินที่สามารถนั่งพักผ่อนได้
ถ้ำเดือน - ถ้ำดาวข้อมูลทั่วไป...
ถ้ำเดือน-ถ้ำดาว ลักษณะถ้ำ มีโถงถ้ำสูงใหญ่ มีหินงอกหินย้อยและลำธารไหลผ่านในถ้ำ ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอเนินมะปรางประมาณ 8 กิโลเมตร
ถ้ำพระวังแดงข้อมูลทั่วไป...
ถ้ำพระวังแดงเป็นถ้ำขนาดใหญ่และมีความยาวถึง 13.5 กิโลเมตร มีทางเข้าถ้ำอยู่ตรงกลางถ้ำ เป็นที่อาศัยของค้างคาวจำนวนมากและมีปลาตาบอดอาศัยอยู่ 3 ชนิดซึ่งเป็นการค้นพบปลาชนิดใหม่ทั้งหมด สำหรับทางด้านหน้าถ้ำมีทางเล็กๆ ลงไปพบกับโถงถ้ำใหญ่ และมีลำห้วยอยู่ด้านล่าง ถ้ำมีความคดเคี้ยวมาก มีหินงอกหินย้อยสวยงาม และมีอากาศหายใจสะดวกตลอดถ้ำ
ทุ่งนางพญาข้อมูลทั่วไป...
ทุ่งนางพญาเป็นทุ่งหญ้าที่แวดล้อมด้วยป่าสนสองใบสลับกับป่าดิบแล้งและป่าเต็งรัง เหมาะสำหรับการกางเต็นท์พักแรมมาก โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาว จะมีสายหมอกลอยอ้อยอิ่งปกคลุมไปทั่วบริเวณ แต่ที่ทุ่งนางพญาไม่มีสิ่งอำนวยควาสะดวกเหมาะสำหรับนักท่องที่ยวที่ต้องการใกล้ชิดธรรมชาติอย่างแท้จริง ทุ่งนางพญาอยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.8 (หนองแม่นา) ประมาณ 14 กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นที่นิยมสำหรับกิจกรรมปั่นจักรยานเสือภูเขา
ทุ่งโนนสนข้อมูลทั่วไป...
ทุ่งโนนสนเป็นทุ่งหญ้าสลับกับป่าสนเขาที่สวยงามมาก โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาว ตามบริเวณลานหินจะเต็มไปด้วยดอกไม้เล็กๆ เช่น ดุสิตา สร้อยสุวรรณา กระดุมเงิน ฯลฯ รวมทั้งกล้วยไม้ดินนานาชนิด เช่น เอื้องม้าวิ่ง ยี่โถปีนัง ฯลฯ จึงนับเป็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังสามารถพบรอยเท้าสัตว์ป่าพวกเก้ง กวางป่า ได้ไม่ยาก การเดินทาง สามารถเดินทางโดยรถยนต์จากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.12 (รักไทย) มาประมาณ 9 กิโลเมตร แล้วเดินเท้าเข้าไปอีก 8 กิโลเมตร จึงจะถึง จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการถ่ายภาพธรรมชาติเป็นอย่างมาก
น้ำตกซอนโสมข้อมูลทั่วไป...
น้ำตกซอนโสมเป็นน้ำตกขนาดเล็กสูงประมาณ 10 เมตร 2 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นห่างกันประมาณ 200 เมตร อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.8 (หนองแม่นา) ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 10 กิโลเมตร การเดินทางสามารถไปได้ทั้งรถยนต์และเดินเท้าอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ระหว่างทางสามารถพบเห็นดอกไม้ต่างๆ
เส้นทางศึกษาธรรมชาติข้อมูลทั่วไป...
เส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทาง 2.5 กิโลเมตร เส้นทางนี้จะได้ชมพื้นที่นาและบ้านพักอาศัยของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ซึ่งเคยตั้งกองกำลังในพื้นที่มาก่อน รวมทั้งชมความหลากหลายของพันธุ์ไม้ เช่น สน ค้อ เสม็ดแดงใบมน ฯลฯ และนก เช่น นกกระทาทุ่ง นกกะรางหัวขวาน นกแซงแซวสีเทา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินป่าจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.12 (รักไทย) ผ่านฐานแตก (ฐานปฏิบัติการของทหารที่มีการสู้รบกับ ผกค.) และเดินเท้าต่อไปยังทุ่งโนนสนอีกประมาณ 8 กิโลเมตร และยังมีน้ำตกคนเมินซึ่งเป็นน้ำตกเล็กๆ ที่ซุกซ่อนอยู่กลางป่าดงดิบ
ที่ตั้งและแผนที่สถานที่ติดต่อ : ตู้ ปณ. 64 อ. เมืองพิษณุโลก จ. พิษณุโลก 65000
โทรศัพท์/โทรสาร 0 5526 8019
อีเมล :
thung_s_l@hotmail.com,
punyanut_muengdang@hotmail.com หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ : นายทั-ก-ษิ-ณ มงคลคมรัตน์ การเดินทางรถยนต์ การเดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง สามารถเข้าได้หลายทาง ทางที่สะดวกที่สุดคือ จากจังหวัดพิษณุโลกใช้เส้นทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข12 สายพิษณุโลก - หล่มสัก ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
รถโดยสารประจำทาง เริ่มต้น บขส.พิษณุโลก โดยนั่งรถพิษณุโลก - หล่มสัก - เพชรบูรณ์ ถึงหลักกิโลเมตรที่ 80 ถึงที่ทำการอุทยานฯ แต่ถ้าเดินทางไปทุ่งแสลงหลวงต้องนั่งรถไปลงที่สามแยกตำบลแคมป์สน โดยต่อรถหรือเหมารถสองแถวไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งฃาติที่ สล.8 ( หนองแม่นา )
พิกัดGPS อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง N16.84273 E100.88016
ที่มาข้อมูล...ขอบคุณwww.park.dnp.go.th/1003-อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง