สังคมแห่งการแบ่งปันนี้จะไม่มีสิ่งที่เพื่อนต้องการ เมื่อเพื่อนๆ มาแวะเยี่ยมแล้วไม่ฝากสิ่งใดไว้..!! กลุ่มเว็บนี้.. ดำรงไว้ซึ่ง คุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม จรรยาบรรณ ไม่เอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ตักตวงผลประโยชน์เข้าตน..
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ญาติคนไข้โวย รพ.เอกชนเก็บค่ารักษาเคสฉุกเฉินหลายแสน แถมผลผ่าตัดล้มเหลวต้องส่งรักษาต่อที่อื่นhttps://www.matichon.co.th/news/849513
วิถีเทพบ้านสวนเรียนเพื่อนๆที่รักทั้งหลายTo whom it may concern เดอะซีรีส์....1โพสต์นี้ขอให้เพื่อนๆตั้งใจอ่านกันให้ดีถึงแม้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องส่วนตัวแต่...ไม่ใช่เป็นเรื่องที่มีประโยชน์กับเพื่อนๆมากในเรื่องเกี่ยวกับความเจ็บป่วยความเป็นความตายสิทธิประโยชน์ของประชาชนที่พึงได้ในการรับการรักษาทั้งจากรพ.เอกชนและรพ.ของรัฐเทพได้ทำreserchเอกสารต่างๆเพื่อค้นหาความจริงด้วยความตั้งใจเป็นพิเศษจากกรณีตัวอย่างป้าอ้อยพี่สาวภรรยาเทพใครพลาดที่จะอ่าน น่าเสียดายมากย้อนความกลับไปนิดกรณีป้าอ้อย Nutcha Manusnonพี่สาวเอ ภรรยาเทพเส้นโลหิตในสมองแตกเฉียบพลันเหตุเกิดที่บ้านเสนากทม.เมื่อสี่วันที่ผ่านมานั้นอาการเบื้องต้นของป้าอ้อยคือปวดศรีษะอย่างรุนแรงอาเจียนติดๆกันหลายๆครั้งญาติได้นำส่งรพ.วิภาวดีรพ.เอกชนใกล้บ้านแพทย์เจ้าของไข้รพ.วิภาวดีแจ้งญาติว่าป้าอ้อยเส้นโลหิตในสมองแตกเฉียบพลันมีเลือดออกในสมองต้องเจาะหัวดูดน้ำและลือดออกและแนะนำให้ผ่าตัดด่วนในวันนั้นเลยโดยวิธี cliping ทางรพ.วิภาวดีเรียกเก็บค่ารักษาในชั้นแรก 600,000บาท ...ให้จ่ายเลยหลังจากการผ่าตัดแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดแจ้งว่าผ่าตัดแล้วมองไม่เห็นเส้นเลือด(การผ่าตัดล้มเหลว)ทางรพ.ทำอะไรไม่ได้แล้ว(หมายความว่าปล่อยให้ตายอยู่ตรงนั้น)และเรียกค่ารักษาเพิ่มอีก170,000บาทรวมจ่ายไปทั้งหมด 770,000บาท(เจ็ดแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)(ย้ำอีกครั้งแพทย์เจ้าของไข้ผู้ทำการผ่าตัดบอกว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว)ต่อมาทางญาติได้ประสานรพ.ศิริราช(ใครจะปล่อยให้ตาย)และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติย้ายป้าอ้อยไปรักษาที่นั่นคณะแพทย์รพ.ศิริราชได้ทำการผ่าตัดป้าอ้อยทันทีที่ไปถึรพ.ด้วยวิธี coilingขณะนี้ป้าอ้อยยังอยู่ในICUแต่อาการดีขึ้นมาก รู้สึกตัว โต้ตอบได้พ้นขีดอันตรายแล้วกำลังจะย้ายออกจากห้องICUไปพักรักษาตัวห้องผู้ป่วยทั่วไป*สถานะป้าอ้อยเป็นผู้ใช้สิทธิบัตรทอง(๓๐บาทรักษาทุกโรค)ที่รพ.มงกุฎวัฒนะ ตามภูมิลำเนาหลังจากป้าอ้อยไปอยู่ที่รพ.ศิริราชแล้วญาติผู้ป่วยได้สอบถามเรื่องสิทธิป้าอ้อยไปที่สำนักงานกลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ปรากฎว่า ไม่มีรายงานบันทึกการรักษาของป้าอ้อยจากรพ.วิภาวดี(ทางรพ.วิภาวดีไม่แจ้ง)ญาติได้สอบถามไปทางรพ.วิภาวดีซึ่งมีหน้าที่ต้องแจ้งอาการป้าอ้อยต่อสปสช. ว่าทำไมไม่แจ้งในวันรุ่งขึ้นต่อมารพ.วิภาวดีได้แจ้งไปที่สปสช.(เอกสารตามภาพ)โดยแพทย์ผู้ทำการรักษา(ผ่าตัด)แทงความเห็นว่า"ไม่เข้าเกณฑ์"หมายความว่าอาการป้าอ้อยไม่เข้าเกณฑ์ฉุกเฉินวิกฤติสีแดงตามที่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)กระทรวงสาธารณสุข กำหนดถ้าเข้าเกณฑ์วิกฤติสีแดงป้าอ้อยจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆภายใน72ชม.ตามกม.(รายละเอียดเรื่องกม.นี้เพื่อนๆค่อยๆติดตามอ่านกันไป)สรุปประเด็นในเรื่องนี้คือ1 ทำไมรพ.วิภาวดีไม่แจ้งการรักษาป้าอ้อยต่อ สปสช.แต่แรก 2 เมื่อญาติทวงถามสิทธิทำไมรพ.วิภาวดีโดยแพทย์เจ้าของไข้แจ้งไปยังสปสช.ว่าอาการป่วยป้าอ้อยไม่เข้าเกณฑ์ฉุกเฉินวิกฤติสืแดงทั้งๆที่วันก่อนหน้าที่จะแจ้งสปสช.แพทย์คนเดียวกันนั้นได้อธิบายกับญาติผู้ป่วยว่าอาการป้าอ้อยวิกฤติเป็นตายเท่ากันต้องเจาะหัวเอาน้ำและเลือดในสมองออกต้องผ่าตัดด่วนวันนั้นเลยโดยวิธีcliping(มีคลิปเสียงmp4 ความยาว24นาทีเป็นหลักฐานอธิบายภาวะวิกฤติฉุกเฉินที่จำเป็นต้องผ่าตัดป้าอ้อยเร่งด่วนปล่อยไว้เป็นตายเท่ากัน)และต่อมาผลการผ่าตัดล้มเหลวแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดแจ้งญาติว่าผ่าแล้วมองหาเส้นเลือดที่แตกไม่เจอ.. ทำอะไรไม่ได้3 อาการป่วยป้าอ้อยเข้าเกณฑ์ฉุกเฉินวิกฤติสีแดงตามที่ทางราชการกำหนดหรือไม่ประเด็นนี้เทพอธิบายให้เพื่อนๆเข้าใจง่ายๆว่าถ้าอาการป่วยป้าอ้อยเข้าเกณฑ์ฉุกเฉินสีแดง กม.ห้ามรพ.วิภาวดีเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยเด็ดขาดหากเรียกมีโทษทั้งจำทั้งปรับตามกม.(จะอธิบายข้างล่าง)ข้อเท็จจริงในประเด็นนี้คือได้เรียกเก็บและจ่ายไปแล้วเป็นจำนวนเงินหกแสนบาทก่อนที่เข้ารับการผ่าตัดและผลการผ่าตัดล้มเหลวย้ำอีกครั้งหลังการผ่าตัดแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดแจ้งญาติว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว(แปลว่าจงนอนรอความตายอยู่ตรงนั้น)และเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่มมาอีกหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นบาททั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง48ชั่วโมงที่อยู่รพ.วิภาวดีและแพทย์ผู้ทำการรักษาแทงความเห็นไปหลังจากผ่าตัดว่าไม่ใช่ฉุกเฉินวิกติสีแดงตามนโยบายรัฐบาล เพื่อที่จะได้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายได้เต็มที่ที่จริงโพสต์นี้ก็ค่อนข้างยาวแล้วแต่อยากให้เนื้อหาต่อเนื่องขอให้เพื่อนๆตั้งใจอ่านตอนต่อไปนี้ให้ดีดีสำคัญมากเป็นหัวใจของโพสต์นี้เลยทีเดียวเป็นเรื่องสิทธิประโยชน์ของพวกเราประชาชนคนไทยทุกคน ตามกฎหมายแต่คนไทยไม่รู้และรพ.เอกชนหน้าเลือดทั้งหลายก็(แกล้งทำ)ไม่รู้ข้อปฏิบัติรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ 72 ชั่วโมงแรกตามกฎหมายสถานพยาบาล และมติ ครม. 28 มีนาคม 2560 ต้องปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน รพ.ทุกแห่งต้องรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) อย่างเต็มความสามารถ และห้ามเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลภายใน 72 ชั่วโมงแรกเด็ดขาด หากฝ่าฝืนในส่วนของ รพ.เอกชนมีโทษทั้งจำทั้งปรับUniversal Coverage for Emergency Patients : UCEP) กำหนดให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ได้ทุกแห่ง เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที โดยไม่ต้องสำรองจ่ายเงินในระยะ 72 ชั่วโมงแรกนั้น ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ.2559 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560สำหรับโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย คือ ปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ป่วย จะมีความผิดตามมาตรา 36 ของ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ.2559 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ..อาชีพที่มีเกียรติและสูงส่งในสังคมเป็นอาชีพที่ได้เปรียบประชาชนแทนที่จะทำประโยชน์กลับทำการฉ้อฉล เบี่ยงเบนความจริงกอบโกยสร้างความร่ำรวยให้กับตนด้วยเงินเปื้อนเลือดและน้ำตาจากความหวาดกลัวต่อความเจ็บป่วยและความตายของประชาชนผู้ไร้เดียงสาประชาชนผู้ขาดความรู้ความเข้าใจในสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายของตนแม้นกม.บ้านเมืองมีอยู่ ก็หาได้เกรงกลัวไม่คุกมีไว้ขังสัตว์คน ไม่ได้ไว้ขังสัตว์หมา *** Censor ***ปล.ขอขอบคุณรพ.ศิริราช สปสช.1330 ที่ทำหน้าที่บริการประชาชนอย่างดียิ่งคู่ควรกับการยกย่องชมเชย..ข้าพเจ้ารับรองว่าข้อความข้างต้นเป็นความจริงทุกประการขอแสดงความนับถือ พ.ต.อ.รศ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช อดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดระยอง ๑๗/กพ/๖๑ณ บ้านสวนคลองทุเรียนโฮมสเตย์ พอเพียงสามย่าน ระยอง