:: GPStt.com ::

หมวด บอร์ดทั่วไป
=> มุมสนทนา เฮฮา ข่าวสารทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: Nanthawat (Modฯ) ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561, เวลา 10:44:44 น.

หัวข้อ: (กรณีศึกษาครับ) ญาติคนไข้โวย รพ.เอกชนเก็บค่ารักษาเคสฉุกเฉินหลายแสน แถมผลผ่าตัดล้มเหลวต้องส่งรักษาต่อที่อื่น
เริ่มหัวข้อโดย: Nanthawat (Modฯ) ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561, เวลา 10:44:44 น.
(กรณีศึกษาครับ) ญาติคนไข้โวย รพ.เอกชนเก็บค่ารักษาเคสฉุกเฉินหลายแสน แถมผลผ่าตัดล้มเหลวต้องส่งรักษาต่อที่อื่น

ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไรท่านๆ เราๆ ต้องศึกษากันนะครับ






คัดมาจากเว็บหนังสือพิมพ์มติชน

อ้างถึง
ญาติคนไข้โวย รพ.เอกชนเก็บค่ารักษาเคสฉุกเฉินหลายแสน แถมผลผ่าตัดล้มเหลวต้องส่งรักษาต่อที่อื่น
[url]https://www.matichon.co.th/news/849513[/url] ([url]https://www.matichon.co.th/news/849513[/url])

([url]http://upic.me/i/6x/6p111.jpg[/url]) ([url]http://upic.me/show/61974006[/url])


([url]http://upic.me/i/6x/8a112.jpg[/url]) ([url]http://upic.me/show/61974007[/url])


([url]http://upic.me/i/6x/fl113.jpg[/url]) ([url]http://upic.me/show/61974008[/url])


([url]http://upic.me/i/ws/hb114.jpg[/url]) ([url]http://upic.me/show/61974009[/url])







อันนี้แชร์กันบนโซเชี่ยล ระบบไลน์

อ้างถึง
วิถีเทพบ้านสวน

เรียนเพื่อนๆที่รักทั้งหลาย
To whom it may concern
เดอะซีรีส์....1

โพสต์นี้ขอให้เพื่อนๆตั้งใจอ่านกันให้ดี
ถึงแม้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องส่วนตัว
แต่...ไม่ใช่
เป็นเรื่องที่มีประโยชน์กับเพื่อนๆมาก
ในเรื่องเกี่ยวกับความเจ็บป่วย
ความเป็นความตาย
สิทธิประโยชน์ของประชาชนที่พึงได้ในการรับการรักษาทั้งจากรพ.เอกชนและรพ.ของรัฐ

เทพได้ทำreserchเอกสารต่างๆ
เพื่อค้นหาความจริง
ด้วยความตั้งใจเป็นพิเศษ
จากกรณีตัวอย่างป้าอ้อยพี่สาวภรรยาเทพ
ใครพลาดที่จะอ่าน น่าเสียดายมาก

ย้อนความกลับไปนิด

กรณีป้าอ้อย Nutcha Manusnon
พี่สาวเอ ภรรยาเทพ
เส้นโลหิตในสมองแตกเฉียบพลัน
เหตุเกิดที่บ้านเสนากทม.
เมื่อสี่วันที่ผ่านมานั้น

อาการเบื้องต้นของป้าอ้อย
คือปวดศรีษะอย่างรุนแรง
อาเจียนติดๆกันหลายๆครั้ง
ญาติได้นำส่งรพ.วิภาวดีรพ.เอกชน
ใกล้บ้าน
แพทย์เจ้าของไข้รพ.วิภาวดีแจ้งญาติว่า
ป้าอ้อยเส้นโลหิตในสมองแตกเฉียบพลัน
มีเลือดออกในสมอง
ต้องเจาะหัวดูดน้ำและลือดออก
และแนะนำให้ผ่าตัดด่วนในวันนั้นเลยโดยวิธี cliping
ทางรพ.วิภาวดีเรียกเก็บค่ารักษา
ในชั้นแรก 600,000บาท ...ให้จ่ายเลย

หลังจากการผ่าตัด
แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดแจ้งว่า
ผ่าตัดแล้วมองไม่เห็นเส้นเลือด
(การผ่าตัดล้มเหลว)
ทางรพ.ทำอะไรไม่ได้แล้ว
(หมายความว่าปล่อยให้ตายอยู่ตรงนั้น)
และเรียกค่ารักษาเพิ่มอีก170,000บาท
รวมจ่ายไปทั้งหมด 770,000บาท
(เจ็ดแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)
(ย้ำอีกครั้งแพทย์เจ้าของไข้
ผู้ทำการผ่าตัด
บอกว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว)

ต่อมาทางญาติได้ประสานรพ.ศิริราช
(ใครจะปล่อยให้ตาย)
และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ย้ายป้าอ้อยไปรักษาที่นั่น
คณะแพทย์รพ.ศิริราช
ได้ทำการผ่าตัดป้าอ้อยทันทีที่ไปถึรพ.
ด้วยวิธี coiling
ขณะนี้ป้าอ้อยยังอยู่ในICU
แต่อาการดีขึ้นมาก รู้สึกตัว โต้ตอบได้
พ้นขีดอันตรายแล้ว

กำลังจะย้ายออกจากห้องICU
ไปพักรักษาตัวห้องผู้ป่วยทั่วไป

*สถานะป้าอ้อยเป็นผู้ใช้สิทธิบัตรทอง
(๓๐บาทรักษาทุกโรค)
ที่รพ.มงกุฎวัฒนะ ตามภูมิลำเนา

หลังจากป้าอ้อยไปอยู่ที่รพ.ศิริราชแล้ว
ญาติผู้ป่วยได้สอบถามเรื่องสิทธิป้าอ้อย
ไปที่สำนักงานกลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)
ปรากฎว่า ไม่มีรายงานบันทึกการรักษา
ของป้าอ้อยจากรพ.วิภาวดี
(ทางรพ.วิภาวดีไม่แจ้ง)
ญาติได้สอบถามไปทางรพ.วิภาวดี
ซึ่งมีหน้าที่ต้องแจ้งอาการป้าอ้อยต่อสปสช. ว่าทำไมไม่แจ้ง
ในวันรุ่งขึ้นต่อมารพ.วิภาวดี
ได้แจ้งไปที่สปสช.(เอกสารตามภาพ)
โดยแพทย์ผู้ทำการรักษา(ผ่าตัด)
แทงความเห็นว่า"ไม่เข้าเกณฑ์"
หมายความว่าอาการป้าอ้อย
ไม่เข้าเกณฑ์ฉุกเฉินวิกฤติสีแดง
ตามที่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)
กระทรวงสาธารณสุข กำหนด
ถ้าเข้าเกณฑ์วิกฤติสีแดง
ป้าอ้อยจะไม่เสียค่าใช้จ่าย
ใดๆภายใน72ชม.ตามกม.
(รายละเอียดเรื่องกม.นี้
เพื่อนๆค่อยๆติดตามอ่านกันไป)

สรุปประเด็นในเรื่องนี้คือ

1 ทำไมรพ.วิภาวดีไม่แจ้งการรักษา
ป้าอ้อยต่อ สปสช.แต่แรก

2 เมื่อญาติทวงถามสิทธิ
ทำไมรพ.วิภาวดีโดยแพทย์เจ้าของไข้
แจ้งไปยังสปสช.ว่าอาการป่วยป้าอ้อยไม่เข้าเกณฑ์ฉุกเฉินวิกฤติสืแดง

ทั้งๆที่วันก่อนหน้าที่จะแจ้งสปสช.
แพทย์คนเดียวกันนั้น
ได้อธิบายกับญาติผู้ป่วยว่า
อาการป้าอ้อยวิกฤติเป็นตายเท่ากันต้องเจาะหัวเอาน้ำและเลือดในสมองออก
ต้องผ่าตัดด่วนวันนั้นเลยโดยวิธีcliping
(มีคลิปเสียงmp4 ความยาว24นาทีเป็นหลักฐาน
อธิบายภาวะวิกฤติฉุกเฉิน
ที่จำเป็นต้องผ่าตัดป้าอ้อยเร่งด่วน
ปล่อยไว้เป็นตายเท่ากัน)

และต่อมาผลการผ่าตัดล้มเหลว
แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดแจ้งญาติว่า
ผ่าแล้วมองหาเส้นเลือดที่แตกไม่เจอ.. ทำอะไรไม่ได้

3 อาการป่วยป้าอ้อยเข้าเกณฑ์ฉุกเฉินวิกฤติสีแดงตามที่ทางราชการกำหนดหรือไม่

ประเด็นนี้เทพอธิบายให้เพื่อนๆเข้าใจง่ายๆว่า
ถ้าอาการป่วยป้าอ้อยเข้าเกณฑ์ฉุกเฉินสีแดง
กม.ห้ามรพ.วิภาวดีเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยเด็ดขาด
หากเรียกมีโทษทั้งจำทั้งปรับตามกม.
(จะอธิบายข้างล่าง)

ข้อเท็จจริงในประเด็นนี้คือได้เรียกเก็บและจ่ายไปแล้วเป็นจำนวนเงินหกแสนบาท
ก่อนที่เข้ารับการผ่าตัด
และผลการผ่าตัดล้มเหลว
ย้ำอีกครั้งหลังการผ่าตัด
แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดแจ้งญาติว่า
ทำอะไรไม่ได้แล้ว
(แปลว่าจงนอนรอความตายอยู่ตรงนั้น)
และเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่มมาอีกหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นบาท

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง48ชั่วโมงที่อยู่รพ.วิภาวดี
และแพทย์ผู้ทำการรักษาแทงความเห็นไปหลังจากผ่าตัดว่า
ไม่ใช่ฉุกเฉินวิกติสีแดงตามนโยบายรัฐบาล
เพื่อที่จะได้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายได้เต็มที่

ที่จริงโพสต์นี้ก็ค่อนข้างยาวแล้ว
แต่อยากให้เนื้อหาต่อเนื่อง
ขอให้เพื่อนๆตั้งใจอ่านตอนต่อไปนี้ให้ดีดี
สำคัญมาก
เป็นหัวใจของโพสต์นี้เลยทีเดียว
เป็นเรื่องสิทธิประโยชน์ของพวกเราประชาชนคนไทยทุกคน ตามกฎหมาย
แต่คนไทยไม่รู้
และรพ.เอกชนหน้าเลือดทั้งหลาย
ก็(แกล้งทำ)ไม่รู้

ข้อปฏิบัติรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ
72 ชั่วโมงแรก
ตามกฎหมายสถานพยาบาล
และมติ ครม. 28 มีนาคม 2560
ต้องปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน
รพ.ทุกแห่งต้องรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) อย่างเต็มความสามารถ
และห้ามเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลภายใน 72 ชั่วโมงแรกเด็ดขาด
หากฝ่าฝืนในส่วนของ รพ.เอกชนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP) กำหนดให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ได้ทุกแห่ง เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที โดยไม่ต้องสำรองจ่ายเงินในระยะ 72 ชั่วโมงแรกนั้น ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4  พ.ศ.2559 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560
สำหรับโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย คือ ปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ป่วย จะมีความผิดตามมาตรา 36 ของ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ.2559  มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ..

อาชีพที่มีเกียรติและสูงส่งในสังคม
เป็นอาชีพที่ได้เปรียบประชาชน
แทนที่จะทำประโยชน์
กลับทำการฉ้อฉล เบี่ยงเบนความจริง
กอบโกยสร้างความร่ำรวยให้กับตน
ด้วยเงินเปื้อนเลือดและน้ำตา
จากความหวาดกลัวต่อความเจ็บป่วย
และความตาย
ของประชาชนผู้ไร้เดียงสา
ประชาชนผู้ขาดความรู้ความเข้าใจ
ในสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายของตน

แม้นกม.บ้านเมืองมีอยู่
ก็หาได้เกรงกลัวไม่

คุกมีไว้ขังสัตว์คน ไม่ได้ไว้ขังสัตว์หมา   *** Censor ***

ปล.ขอขอบคุณรพ.ศิริราช สปสช.
1330
ที่ทำหน้าที่บริการประชาชนอย่างดียิ่ง
คู่ควรกับการยกย่องชมเชย..

ข้าพเจ้ารับรองว่าข้อความข้างต้น
เป็นความจริงทุกประการ

ขอแสดงความนับถือ
  พ.ต.อ.รศ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช
  อดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดระยอง
                  ๑๗/กพ/๖๑

ณ บ้านสวนคลองทุเรียน
โฮมสเตย์ พอเพียง

สามย่าน ระยอง