:: GPStt.com ::

หมวด บอร์ดทั่วไป
=> มุมสนทนา เฮฮา ข่าวสารทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: ลุงเปี๊ยก ที-เน็ตเวิร์ค (อ.สากเหล็ก) ที่ 15 พฤศจิกายน 2565, เวลา 10:05:16 น.

หัวข้อ: มะม่วงไทยดีที่สุดในโลก! รีบบินจากอินเดียมาไทย ตามหาร้านขาย 'ข้าวเหนียวมะม่วง' ในดวงใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ลุงเปี๊ยก ที-เน็ตเวิร์ค (อ.สากเหล็ก) ที่ 15 พฤศจิกายน 2565, เวลา 10:05:16 น.
มะม่วงไทยดีที่สุดในโลก! รีบบินจากอินเดียมาไทย ตามหาร้านขาย 'ข้าวเหนียวมะม่วง' ในดวงใจ


(https://yt3.ggpht.com/nosxxw5TI7SwboU8OsYOgHIQSo-ik8qW3i-kClyi1M4NlX03xzNbSF_XdD5GJCInL26KYUhhsg=s88-c-k-c0x00ffffff-no-rj) (https://www.youtube.com/channel/UCFljspqXUNAxyhcev7mdvsQ)Thailand & The World (https://www.youtube.com/channel/UCFljspqXUNAxyhcev7mdvsQ)
ผู้ติดตาม 6.66 พัน คน




อ้างถึง
การดู 52,921 ครั้ง  14 พ.ย. 2022
ที่มาของเรื่องราว 


ข้าวเหนียวมะม่วง ของหวานที่มีชื่อเสียงระดับโลกของไทย มักจะได้รับการกล่าวถึงอยู่เสมอในฐานะของหวาน หรืออาหารทานเล่น คู่ไปกับการพูดถึง Street Food ซึ่งของหวานจากเมืองไทยชนิดนี้ เริ่มมีการแพร่หลายในประเทศเพื่อนบ้าน จนทำให้คนในชาตินั้นๆบางคน เข้าใจผิดว่าเป็นอาหารท้องถิ่น แต่ก็มาทราบในภายหลังว่า ข้าวเหนียวมะม่วง มีต้นกำเนิดมาจากเมืองไทย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นของเราในวันนี้ เพราะเรากำลังพูดถึง Gladys Seara Youtuber สาวชาวสเปน สายท่องเที่ยว จากช่อง Seara Travels ซึ่งมีผู้ติดตามในตอนนี้ ราว 7 พันกว่าคน แต่เธอมีช่องหลักอีกช่องหนึ่งคือ Gladys Seara ที่มีผู้ติดตามมากถึง 4 แสน 6 หมื่นคน ซึ่งเธอได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง หลังจากที่ได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียมาได้สักพัก ซึ่งเมื่อ 4 เดือนก่อน ไทยเป็นจุดหมายปลายทางแรก ที่เธอเริ่มเปิดประสบการณ์การเดินทางบนช่อง Youtube ที่ 2 ของเธอ ก่อนที่จะเริ่มเดินทางไปท่องเที่ยว ยังประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างกัมพูชา เวียดนาม จนถึงอินเดีย โดยมีทัชมาฮาลเป็นสถานที่สุดท้ายในแดนภารตะ และนั่นจึงเป็นที่มาของประโยคที่ว่า "เดินทางจากอินเดีย ตรงมายังเมืองไทย เพื่อมากินข้าวเหนียวมะม่วงในกรุงเทพฯ" ภารกิจนี้ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนสนิทของเธอที่เป็นเจ้าของช่อง Travel with Chris ซึ่งมีผู้ติดตามมากถึง 1 แสน 7 หมื่นกว่าคน ซึ่งทั้งสองได้เดินทางไปเพื่อเสาะหาร้านรถเข็นขายข้าวเหนียวมะม่วงเล็กๆเจ้าหนึ่ง ข้างถนนอิสรภาพ ในย่านฝั่งธน โดยเธอยอมเดินทางจากซอยรัชดาภิเษก 3 ที่เธอพักอาศัยอยู่ในทริปนี้ ไปกับคริส เพื่อที่จะได้ลิ้มรสข้าวเหนียวมะม่วง จากร้านรถเข็นดังกล่าว ซึ่งเป็นร้านที่เธอเคยถ่ายวิดีโอ ลงในช่องหลักของเธออีกช่องหนึ่ง เมื่อราว 1-2 เดือนก่อน เธอประทับใจในความใจดีของเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นผู้หญิงสูงอายุ และในตอนนั้น ด้วยการที่ป้าเจ้าของร้าน ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ จึงมีหญิงไทยอีกคนหนึ่ง ได้ช่วยแปลในการระหว่างการสนทนา และเป็นช่วงที่เธอเดินทางไปเที่ยวชมวัดอรุณ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกประทับใจมาก โดยเฉพาะข้าวเหนียวมะม่วงที่เธอได้ลิ้มลอง เพราะนอกจากราคาจะถูกมากแล้ว รสชาติก็ยังดีมากอีกด้วย เธอจึงอยากไปพบเจ้าของร้านและทานข้าวเหนียวมะม่วงจากร้านนี้อีกครั้ง ซึ่งเธอเอง ก็จำไม่ได้แน่นอนว่า ร้านที่ว่า อยู่ตรงจุดไหนในย่านนั้น ซึ่งจะต้องเดินทางไปด้วยรถไฟฟ้า

ในระหว่างทาง เธอได้เปรยว่า คุณรู้ไหมว่า สิ่งที่ฉันคิดถึง เมื่อนึกถึงประเทศไทย ก็คือสายเคเบิลพวกนี้ ซึ่ง Youtuber หลายคนที่รักเมืองไทย ก็มักจะพูดถึงเรื่องนี้ จะว่าไปก็เหมือนตลกร้าย ที่ชาวต่างชาติพยายามมองว่า มันคือคาแรคเตอร์หนึ่งของเมืองไทยไปแล้ว และเธอก็ได้แพนกล้องจับภาพให้เห็นสายเคเบิลที่รกรุงรังตามข้างทาง ซึ่งเธอก็ได้ยินมาว่า หลายคนบ่นในเรื่องสายเคเบิล ที่ดูไม่เป็นระเบียบแบบนี้ แต่เธอกลับให้เหตุผลที่อาจจะฟังดูแปลกๆว่า ตราบใดที่เมืองไทย ยังมีข้าวเหนียวมะม่วงขาย คนไทยยังยิ้มต้อนรับนักท่องเที่ยว และมีความเป็นคนไทยเหมือนเดิม คนไทยก็ยังสามารถปล่อยให้มีสายเคเบิลที่รกรุงรังนี้แบบได้ เธอไม่ได้แคร์อะไรพวกนี้เลย หลังจากนั้นก็แพนกล้องไปยังสายเคเบิลกลุ่มใหม่ และบอกว่า ฉันไม่กลัวสายเคเบิลพวกนี้ พร้อมหัวเราะชอบใจ ก่อนที่จะเดินเข้าสู่ทางเข้าสถานีรถไฟฟ้า MRT หน้าอาคารฟอร์จูนทาวน์ โดยก่อนหน้านั้น เธอและคริส ได้ใช้เวลาราว 30 นาที พยายามหาที่ตั้งของร้านขายข้าวเหนียวมะม่วงที่ว่า เพื่อให้ได้พิกัดที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด โดยคาดว่าจะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงเพื่อไปถึงที่หมาย ซึ่งเธอเผยว่า แม้ว่าอากาศจะร้อน และใช้เวลาในการเดินทาง แต่เธอไม่แคร์ เธอสนใจแค่ข้าวเหนียวมะม่วง พร้อมบอกว่าเมืองไทยสุดยอด ฉันรักเมืองไทย รักกรุงเทพ มันคือเมืองของฉัน

สถานีรถไฟฟ้า MRT อิสรภาพ ห่างจากสถานีต้นทางถึง 12 สถานี แต่ใช้เวลาในการเดินทางจริงเพียง 20 นาที เร็วกว่าที่คาดหมายเอาไว้มาก ซึ่งเธอบอกว่า รถไฟฟ้าสะอาด สะดวกสบาย มีระบบปรับอากาศ ทำให้ไม่ร้อนข้างใน โดยเฉพาะผู้คนเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ส่งเสียงดัง เหมือนกับคนญี่ปุ่นเลย

คริส เพื่อนของเซียร่าคาดว่า จะใช้เวลาราว 5 นาที ในการเดินไปยังจุดที่พวกเขาเคยไปมาก่อน ซึ่งห่างออกไปราว 200 เมตรเท่านั้น จากสถานี MRT ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเดินหาร้านที่ต้องการเจออยู่บ้าง ซึ่งหวังว่าพวกเขาจะเจอมัน และหวังว่าร้านรถเข็นจะไม่เคลื่อนย้ายไปมา ซึ่งทำให้หายากเข้าไปอีก ในระหว่างที่เดินในสถานี คริสเอ่ยขึ้นว่า ดูสิ สถานีสะอาดมากๆ สถานีรถไฟฟ้าในเมืองไทย น่าจะเป็นที่เดียว ที่ผมสามารถนั่งกับพื้น พร้อมกินอะไรซักอย่าง ได้อย่างไม่ต้องกังวล ผู้คนก็ไม่ส่งเสียงดัง